ในปี 2025 ถ้าจะบอกว่าโลกการลงทุนกำลังเข้าสู่ “ปีทอง” ก็คงไม่เกินจริง เพราะนับตั้งแต่ต้นปี ราคาทองคำในตลาดโลกก็พุ่งขึ้นมากกว่า 70% ภายในเวลาเพียงแค่ปีเดียว กลายเป็นสินทรัพย์ที่ทำผลงานโดดเด่นที่สุดในช่วงที่ทั้งหุ้นและคริปโตผันผวนหนัก จนแม้แต่นักลงทุนสายคริปโตหลายคนยังเริ่มหันมามองทองคำ
ข่าวดีคือ วันนี้คุณไม่จำเป็นต้องเดินเข้าร้านทอง หรือถือเงินสดไปต่อคิวอีกต่อไป เพราะการซื้อทองคำสามารถทำได้ผ่านแอปบนมือถือ บางแพลตฟอร์มถึงขั้นซื้อขายได้อยู่ในแอปคริปโตเดิมๆ ที่คุณใช้งานอยู่แล้ว วันนี้ SiamBlockchain จะขอพาไปรีวิว 4 แพลตฟอร์มซื้อทองคำที่สะดวกที่สุด โดยเฉพาะสำหรับคนที่อยู่ในโลกคริปโต
1. Bitkub

เริ่มกันที่แอปที่ชาวคริปโต โดยเฉพาะคนไทยคุ้นเคยกันดีที่สุดอย่าง Bitkub ซึ่งนอกจากจะเป็นเว็บเทรดคริปโตที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องในไทยแล้ว ยังสามารถ “ซื้อทองคำ” ได้จริงผ่านโทเคนที่ชื่อว่า “XAUT” โดยใช้เงินทุนเริ่มต้นแค่ 10 บาท
การซื้อทองบน Bitkub สามารถทำได้จริง ผ่านคู่เหรียญ XAUT ซึ่งเป็นโทเคนที่มีทองคำแท่งจริงหนุนหลังแบบหนึ่งต่อหนึ่ง กล่าวคือ 1 XAUT มีมูลค่าเทียบเท่าทองคำ 1 ทรอยออนซ์ และผู้ออกเหรียญก็คือ Tether บริษัทเดียวกับผู้ออก USDT สเตเบิลคอยน์อันดับหนึ่งของโลก ทำให้ในแง่ของความน่าเชื่อถือ ถือว่าอยู่ในระดับสูงมาก
จากประสบการณ์ใช้งานจริง จุดแข็งของ XAUT คือ “ราคานิ่งและเกาะราคาทองโลกจริงได้ดี” แม้ในวันที่ตลาดคริปโตผันผวนหนัก อย่างช่วงวันที่ 10 ตุลาคม 2025 ที่ Bitcoin ร่วงแรงเกือบ 20% ภายในวันเดียว ราคา XAUT ก็ยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาทองคำโลก ต่างจากโทเคนทองคำบางตัวที่ราคาหลุดจากสินทรัพย์อ้างอิงไปเกือบ 10% ซึ่งถือว่าเสี่ยงมากสำหรับคนที่ตั้งใจถือทองจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่า ราคาทองในตลาดคริปโตจะอิงราคาทองโลกในหน่วยดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทรอยออนซ์ ซึ่งปัจจุบันอยู่แถว 4,400 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ดังนั้นคุณจำเป็นจะต้องทำความเข้าใจเรื่องราคาเสียก่อน
ข้อดีคือ เป็นแอปที่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย ถ้าคุณเป็นนักลงทุนคริปโตอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องย้ายเงินออกจากโลกคริปโตก็สามารถถือทองคำในรูปแบบดิจิทัลได้ และสามารถเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินแค่เพียง 10 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดแล้วในบรรดาแอปซื้อขายทองต่างๆ
ข้อเสียคือ สภาพคล่องไม่สูงมาก (XAUT/THB) โดยมีปริมาณการเทรดต่อวันอยู่ที่ 7.5 ล้านบาท ณ วันที่ 23 ธ.ค. 2025 และอีกอย่างคือ ยังไม่มีฟีเจอร์สำหรับนักเก็งกำไรที่เปิดให้ใช้เลเวอเรจ
2. Binance Global

ถัดมาคือ Binance Global แพลตฟอร์มคริปโตระดับโลกที่หลายคนเคยใช้งานอยู่แล้ว โดยจุดแข็งของ Binance คือความครบเครื่องของตลาดและเครื่องมือการเทรด ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงทองคำผ่านโทเคนที่ชื่อว่า PAXG ได้โดยตรง
PAXG (Pax Gold) คือ โทเคนดิจิทัลที่มีทองคำแท่งจริงหนุนหลังในอัตรา 1 ต่อ 1 เช่นเดียวกับ XAUT มีมูลค่าเทียบเท่าทองคำแท่งมาตรฐาน London Good Delivery หนึ่งออนซ์ ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ในห้องนิรภัยระดับสถาบันในลอนดอน และออกโดย Paxos Trust Company บริษัทด้านการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐในสหรัฐฯ ทำให้ PAXG ถูกมองว่าเป็น “โทเคนทองคำดิจิทัล” ที่มีตัวตนจริงรองรับ
บน Binance ผู้ใช้งานสามารถซื้อขาย PAXG ได้ทั้งในตลาด Spot สำหรับการถือครอง และตลาด Futures สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเทรดระยะสั้นหรือใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง โดยมี Leverage ให้เลือกใช้งาน ซึ่งถือเป็นจุดขายสำคัญสำหรับสายเทรดมืออาชีพ
ข้อดีคือ ในแง่สภาพคล่อง PAXG บน Binance จัดว่าอยู่ในระดับสูงมาก โดยคู่เทรด PAXG/USDT มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันราว 2,000 ล้านบาท ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2025 ทำให้สามารถเข้าออกตำแหน่งได้ง่าย ไม่ติดราคา
ข้อเสียคือ โทเคน PAXG ยังมีจุดที่ต้องระวัง เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา ราคาของโทเคนนี้ไม่ค่อยเกาะราคาทองคำโลกได้ดีเหมือนกับ XAUT บน Bitkub โดยในวันที่ตลาดคริปโตผันผวนรุนแรง ราคา PAXG เคยหลุดออกจากราคาทองคำอ้างอิงไปเกือบ 10% ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับสินทรัพย์ที่มีทองคำหนุนหลังแบบ 1 ต่อ 1
ดังนั้น PAXG บน Binance จึงเหมาะกับสายเทรดที่ต้องการสภาพคล่องและเครื่องมือครบ มากกว่าสายถือยาวที่เน้นความนิ่งของราคาเป็นหลัก
3. Dime

สำหรับใครที่อยาก “ออกจากโลกคริปโตมานิดนึง” แอป Dime ของธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์อย่างมาก โดย Dime ร่วมมือกับผู้ค้าทองรายใหญ่ของไทยอย่าง MTS Gold และ YLG ทำให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อทองคำความบริสุทธิ์ 99.99% ได้โดยตรง
จุดเด่นของ Dime คือ การเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินเพียง 100 บาท, ซื้อขายตามราคาเรียลไทม์ และไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมทองในระยะยาวผ่านผู้ให้บริการที่อยู่ภายใต้ระบบธนาคารไทย
ข้อดีคือ ความน่าเชื่อถือสูงมาก และเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการความซับซ้อนของคริปโต และคนที่ต้องการออมทองในระยะยาว
แต่ข้อเสียคือ คุณต้องย้ายเงินออกจากระบบคริปโตทั้งหมด และไม่สามารถใช้ทองคำเป็นเครื่องมือเทรดหรือป้องกันความเสี่ยงแบบเรียลไทม์เหมือนในตลาดคริปโตได้
4. แอป Forex ต่างๆ

อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุน คือการใช้แอป Forex ระดับสากล เพื่อเทรดทองคำผ่านคู่ XAU/USD ซึ่งเป็นราคาทองคำโลกโดยตรง แตกต่างจากโทเคนทองคำตรงที่ไม่ได้ “ถือทอง” แต่เป็นการเก็งกำไรราคาทองในตลาดโลกจริง
จุดเด่นสำคัญคือ บางแพลตฟอร์ม Forex รองรับการฝากคริปโต เช่น USDT, USDC, BTC, ETH และ XRP เพื่อใช้เป็นมาร์จินในการเทรด ช่วยให้นักลงทุนสามารถนำสินทรัพย์คริปโตที่ถืออยู่ มาเปลี่ยนเป็นโอกาสในตลาดทองได้ทันที โดยไม่ต้องแปลงกลับเป็นเงินบาทก่อน
ข้อดีคือ ในแง่เครื่องมือ แอป Forex มีระบบกราฟและอินดิเคเตอร์ครบครัน พร้อม Leverage ที่เหมาะกับสายเทรดระยะสั้น หรือคนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดทองคำ เหมาะกับสายเทรดเก็งกำไรระยสั้น
ข้อควรระวังคือ กฎหมายไทยยังไม่รองรับแอป Forex อย่างเป็นทางการ แพลตฟอร์มส่วนใหญ่มักจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลในต่างประเทศเท่านั้น ผู้ใช้งานจึงต้องประเมินความน่าเชื่อถือและความเสี่ยงด้วยตัวเอง
สรุป
ไม่มีแอปไหนดีที่สุดสำหรับทุกคน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่า เราต้องการใช้ลงทุนทองคำผ่านรูปแบบไหน ถ้าคุณเป็นสายคริปโตที่อยากพักเงิน ไม่อยากออกจากระบบเดิม XAUT บน Bitkub คือ ทางเลือกที่เรียบง่ายและสบายใจที่สุด ส่วน Binace อาจตอบโจทย์กว่าสำหรับนักเก็งกำไรที่ต้องการใช้ Leverage
ส่วนใครที่อยากออมทองแบบไม่ซับซ้อน เน้นความมั่นคงในระบบการเงินไทย Dime คือคำตอบที่ใช่ และถ้าคุณเป็นสายเก็งกำไรจริงจัง มองทองเป็นตลาดทำกำไรระยะสั้น แอป Forex ก็ให้โอกาสมากที่สุด แต่ต้องแลกมากับความเสี่ยงด้านอื่นๆ ที่สูงขึ้นตามไปด้วย

