Brian Armstrong CEO ของ Coinbase ออกมาแสดงความเห็นบนทวีตเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม โดยคาดการณ์ว่า ธนาคารสหรัฐฯ จะเปลี่ยนท่าทีต่อ Stablecoin และในที่สุดจะหันไป เจรจากับรัฐสภาเพื่อขออนุญาตจ่ายดอกเบี้ยและผลตอบแทนบนสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ แม้ในตอนนี้ภาคธนาคารกำลังพยายามผลักดันให้ตัดคุณสมบัติการสร้างผลตอบแทนออกจากกฎหมาย GENIUS Act ก็ตาม
Armstrong มองว่า จุดยืนของธนาคารในปัจจุบันเป็นเพียงการ “ปกป้องเงินฝากต้นทุนต่ำ” เพื่อรักษาผลกำไรเหมือนที่ผ่าน ๆ มา แต่ท้ายที่สุดแล้ว สถาบันการเงินจะถูกบีบให้ยอมรับเทคโนโลยี Stablecoin เพื่อแข่งขันท่ามกลางสภาพตลาดที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว
“ผมเชื่อว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ธนาคารจะเปลี่ยนท่าที และจะเป็นฝ่ายขอเจรจาเองเพื่อให้สามารถจ่ายดอกเบี้ยใน Stablecoin ได้”
กฎหมาย GENIUS Act กลายเป็นสมรภูมิของผลประโยชน์ธนาคารและนวัตกรรมการเงิน
กฎหมาย GENIUS Act ซึ่งมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม 2025
ห้ามผู้ออก Stablecoin เช่น Circle และ Tether จ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ถือโดยตรง
แต่ยังเปิดช่องให้ ผู้ให้บริการตัวกลาง เช่น แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน
สามารถส่งต่อผลตอบแทนจาก เงินสำรองพันธบัตรรัฐบาล ให้ผู้ใช้ได้
ธนาคารจึงยื่นคำร้องให้แก้กฎหมาย เพื่อ ปิดช่องดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า
แพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ธนาคารสามารถเสนอผลตอบแทนเกือบปราศจากความเสี่ยงระดับ 4–5%
ซึ่งทำให้ธนาคารแข่งขันได้ยาก
Armstrong ตอบโต้ว่า ความพยายามดังกล่าวคือ “เส้นแดงของอุตสาหกรรมคริปโต”
และเป็นเพียง การเล่นเชิงกลยุทธ์เพื่อปกป้องผลกำไรของระบบการเงินแบบดั้งเดิม
เขาชี้ให้เห็นถึงความย้อนแย้งที่ ธนาคารอ้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ ใช้โมเดลเดียวกันแต่จ่ายดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาดให้ผู้ฝากเงิน
ฝั่งคริปโตรวมตัวต้านการแก้กฎหมาย
มีบริษัทคริปโต กว่า 125 แห่ง รวมถึง Coinbase เข้าร่วมลงชื่อยื่นจดหมายถึงคณะกรรมาธิการการธนาคารของวุฒิสภา เพื่อคัดค้านการเปิดแก้ไขร่างกฎหมาย โดยให้เหตุผลว่า จะทำให้กฎระเบียบไม่ชัดเจน
ในมุมมองของ Armstrong ในอนาคต ธนาคารจะไม่สามารถกดดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ๆ ได้อีกต่อไป และอาจต้อง ออก Stablecoin ของตนเองเพื่อแก้ไขปัญหานี้
จนกว่าจะถึงวันนั้นน Coinbase และบริษัทในอุตสาหกรรมตั้งใจว่าจะปกป้องกฏระเบียบปัจุบันที่เปิดให้แพลตฟอร์มคริปโตทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ให้ผลตอบแทนสูงสำหรับผู้ถือดอลลาร์ต่อไป
Source: Brian Armstrong

