สำหรับหลาย ๆ คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการคริปโตมา ย่อมรู้เป็นอย่างดีว่า ผู้ที่สร้าง Bitcoin คือ Satoshi Nakamoto เขาได้ทำการสร้าง Cryptocurrency สกุลแรกขึ้นมาในต้นเดือนธันวาคมปี 2009
เขาได้ปรากฏตัวขึ้นในเว็บบอร์ดสำหรับการพูดคุยเกี่ยวกับ Bitcoin นาม Bitcointalk โดยเขาได้ทำการตอบคำถามผู้ที่สนใจ และได้อัปเดตเกี่ยวกับการพัฒนา Bitcoin อยู่สักพักก่อนจะหายตัวไปตลอดกาลก่อนจะหายตัวไปตลอดกาลอย่างไร้ร่องรอย โดยขณะนี้ก็ยังไม่มีใครทราบว่าจริง ๆ แล้วเขาคือใครกันแน่
อ้างอิงจาก Coinmarketcap ในขณะนี้ Bitcoin มีมูลค่าโดยรวมทั้งหมดประมาณ 109 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 55.7 เปอร์เซ็นต์ของตลาดคริปโต และยังคงตำแหน่งคริปโตอันดับ 1 เสมอมา
ด้วยความนิยมของอุตสาหกรรมคริปโต และ Blockchain ทำให้มีผู้คนในวงการเริ่มมีความสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าจริง ๆ แล้วใครกันแน่คือ Satoshi Nakamoto
ความอยากรู้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากทั่วโลก
ล่าสุดเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการระดมทุนกันเพื่อสร้างแคมเปญ #Findsatoshi เพื่อค้นหาว่า Satoshi Nakamoto คือใคร โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะระดมทุนให้ได้ 250,000 ดอลลาร์ และในขณะที่รายงานอยู่นั้น ซึ่งจะนำเงินที่ได้นันไปจ้างผู้เชี่ยวชาญในการสอบสวนจากทั่วโลก
การหา Satoshi ให้เจอไม่ได้เพียงแค่เพื่อแก้ความสงสัยเท่านั้น แต่เพื่ออนาคตของวงการคริปโตอีกด้วย การทราบถึงเจตจำนงที่แท้จริงว่า เขาสร้าง Bitcoin ขึ้นมาทำไม และการได้คำแนะนำจากเขาสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต และ Blockchain ในตอนนี้ก็คงจะส่งผลดีไม่น้อย
ข้อสันนิษฐาน
หากลองคิดตามหลักเหตุผล หาก Satoshi Nakamoto ยังสามารถเข้าถึง Wallet ของเขาได้ แต่เลือกที่จะไม่แตะต้องมัน
- เขาต้องเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยมาก ๆ อยู่แล้ว ในระดับหลายหมื่นล้าน ที่ไม่สนใจเงินระดับนั้นได้ เนื่องจาก Wallet ของเขานั้นมี Bitcoin มากกว่า 1 ล้าน BTC แต่เขากลับเลือกที่จะถอนออกมาใช้เลย
- เขาต้องเป็นคนที่ไม่สนใจในชื่อเสียงใด ๆ ทั้งนั้น เลยไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน ว่าตนเองเป็นผู้สร้างส่งที่ยิ่งใหญ่เช่น Bitcoin
- เขาอยากที่จะทิ้ง Bitcoin เหล่านั้นไว้ใน Wallet เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า Blockchain ของ Bitcoin นั้นมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง ไม่มีใครสามารถแฮ็กได้
- เขากลัวตกเป็นเป้าของรัฐบาล หรือกลุ่มที่ประสงค์ร้าย เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่สร้าง Bitcoin ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงข้ามระบบการเงินในปัจจุบันขึ้นมาที่อยู่ในรูปแบบ Centralized
จากข้อมูลดังกล่าว อาจจะแปลได้ว่าจริง ๆ แล้ว เขาอาจจะเป็นกลุ่มคนก็ได้ ไม่ใช่เพียงบุคคล ๆ หนึ่ง โดยกลุ่มคนที่ว่านี้อาจจะเป็นกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่รวมตัวกัน หรือว่ารัฐบาลก็เป็นได้ เลยไม่มีใครสืบเจอ เนื่องจากพวกเขามีอำนาจในการปกปิดตัวตน
หรืออีกกรณีหนึ่งคือ เขาไม่สามารถเข้าถึง Wallet นั้นได้ เนื่องจากได้ตายไปแล้ว จะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม หรือเขาอาจจะลืม Private Key ก็เป็นได้
มีข้อสันนิษฐานด้วยว่า เขาเป็นคนที่อ่าน The Times เนื่องจากใน Block แรกของ Bitcoin มี Text ระบุไว้ว่า “The Times 03/Jan/2009 Chancellor on brink of second bailout for banks” ซึ่งเป็นข้อความในนิตยสาร The Times
นอกจากนี้ หากลองอ่าน Whitepaper และข้อความต่างในเว็บบอร์ด Bitcointalk จะพบว่าเขาใช้ British English เนื่องจากคำศัพท์ที่เข้าใช้เช่น “Bloody Hard” รวมทั้งยังมีหลักฐานจากนาย Stefan Thomas โปรแกรมเมอร์ชาวสวิส และสมาชิกในเว็บบอร์ด Bitcointalk ด้วยว่า Satoshi Nakamoto อาจไม่ใช่คนญี่ปุ่นที่หลาย ๆ คนตั้งข้อสันนิษฐานไว้
นาย Thomas ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเวลาในการโพสต์ของ Satoshi บนเว็บบอร์ด (มากกว่า 500 โพสต์) และพบว่าไม่มีการโพสต์ในเวลา 5.00 AM ถึง 11.00 AM เวลา Greenwich ซึ่งเป็นเวลา 2.00 PM ถึง 8.00 PM เวลาของญี่ปุ่น ข้อมูลดังกล่าวอาจจบอกได้ว่า เวลาเหล่านั้นเป็นเวลานอน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างมาก หาก Satoshi Nakamoto อยู่ที่ญี่ปุ่นจริง ๆ และนอนในเวลานี้ รูปแบบดังกล่าวนั้นเป็นจริงในวันเสาร์อาทิตย์ด้วยซ้ำ
สาเหตุที่ไม่เปิดเผยตัวตน
หรือจริง ๆ แล้ว การไม่เปิดเผยตัวตนจะเป็นแผนทั้งหมดของ Satoshi ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การที่มีผู้นำของสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกออกแบบมาให้ Decentralized อาจจะไม่ใช่ Cryptocurrency ในอดุมคติของเขา การมีผู้นำของโปรเจกต์นั้นมีทั้งผลดี และผลเสีย ผลดีก็ที่เห็น ๆ กันอยู่คือ ผู้ที่ใช้คริปโตนั้นจะทราบตลอดว่า นักพัฒนายังคงอัปเดตเทคโนโลยีของเหรียญนั้นอยู่เรื่อย ๆ ทำให้มีความเชื่อมันว่ามันจะเติบโตอย่างเนื่อง
ในทางกลับกัน เมื่อผู้นำของโปรเจกต์หยิบจับอะไร มันก็ดูมีผลกระทบไปซะหมด เช่นในกรณีของนาย Charlie Lee ผู้สร้าง Litecoin ซึ่งเป็นคริปโตที่มีมูลค่ามากสุดเป็นอันดับ 7 ของโลก ได้ตัดสินใจขาย Litecoin ทั้งหมดที่เขาครอบครองไว้เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์
นาย Lee กล่าวถึงเหตุผลที่ขายในเวลานั้นว่า:
“เมื่อผมทวีตเกี่ยวกับราคาของ Litecoin ไม่ว่าจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย ผมถูกใส่ร้ายเสมอว่าได้ทำการ Short LTC ไว้ มันเป็นปัญหาที่ผมเจอ เนื่องจากผมมีอิทธิพลกับมันเป็นอย่างมาก”
Satoshi อาจเล็งเห็นในจุดนี้ไว้แล้ว เลยต้องการทำให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง เลยเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตน
สรุป
ถึงแม้จะมีควมพยายามในการสืบสวนหรือคาดเดามากมายเท่าไรก็ตาม ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจริง ๆ แล้ว เขาคือใครกันแน่ เบื้องหลังและเจตจำนงของ Bitcoin ที่แท้จริงจะมีนอกเหนือจากใน Whitepaper หรือไม่ก็คงไม่มีใครทราบ แต่ที่แน่ ๆ คือเขาได้สร้าง Cryptocurrency ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเราไปตลอดกาลขึ้นมา และเติบโตมาได้จนขนาดนี้ ในตอนนี้เขาอาจจะแค่นั่งชื่นชนผลงานชิ้นโบแดงของตนเองอยู่ในเงามืดก็เป็นได้ และความลับเกี่ยวกับตัวตนของเขายังคงเป็นความลับต่อไป
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น