<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

“ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถที่จะควบคุมการพัฒนา Bitcoin ได้” กล่าวโดยนักพัฒนา Bitcoin ยุคบุกเบิก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นาย Jameson Lopp กล่าวในบล็อกโพสต์ล่าสุดของเขาว่าไม่มีใครควบคุมการพัฒนา Bitcoin

นาย Jameson Lopp นักพัฒนา Bitcoin ยุคบุกเบิกได้อธิบายถึงกระบวนการพัฒนา Bitcoin โดยเขายังพยายามตอบกับกลุ่มนักวิพากษ์วิจารณ์ Bitcoin ในกลุ่ม Bitcoin Core ในเรื่องของการพัฒนา Bitcoin ในปัจจุบันและในอนาคต

การพัฒนา Bitcoin ทำงานอย่างไร

ประเด็นหลักสำคัญในการโพสต์ของนาย Lopp ก็คือการที่ Bitcoin Core จะตกลงร่วมกัน (Consensus) ในการในการเสนอ Code ใหม่และอัปขึ้นไปบน GitHub หรือไม่ นาย Lopp อธิบายว่าในขณะที่ Core ก็มีบัญชี “maintainer” ที่มีความสามารถในการรวม Code เข้าด้วยกัน

Maintainer แต่ละตัวจะมี PGP key ที่ไม่ซ้ำกัน และจะมีภาษาที่ถูกเข้ารหัสเหล่านี้เท่านั้นที่จะสามารถรวม Code เข้าด้วยกัน แต่ Code ที่แปลกปลอมอาจใช้สิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ (Administrator) ในการอัป Code ขึ้นไปยัง GitHub โดยปราศจากการดูแลของ Maintainer

“แม้ว่า Key เหล่านี้จะพยายามทำความรู้จักกับสิ่งเหล่านี้ แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป Key อาจถูกบุกรุก เราจะไม่มีวันทราบได้นอกจากเจ้าของ Key ตัวจริงจะมาแจ้ง Maintainer” นาย Lopp กล่าว

Code ที่ได้รับการยืนยันโดย PGP Key จะสามารถเข้าไปยัง Mainframe ของ Bitcoin ได้และจะถูกตรวจสอบ

“ถ้า Scripts เสร็จสมบูรณ์ มันจะบอกเราว่า Code ทุกบรรทัดได้รับการเปลี่ยนแปลงและได้ผ่านขั้นตอนของ Bitcoin Core โดยผ่านการ Signed off โดยผู้ใดผู้หนึ่งที่มี Key Maintainer” นาย Lopp กล่าว

อย่างไรก็ตามกลุ่ม Cypherpunk (คือกลุ่มที่มีแนวคิดที่จะออกจากระบบการเงินเดิมๆ ที่มีรัฐบาลเป็นผู้ควบคุม) กล่าวว่าโซลูชั่นดังกล่าวไม่ได้เป็นวิธีในการรักษา แต่เป็นกลยุทธ์ในการป้องกันที่แข็งแกร่งเพื่อให้พวกนั้นออกไปจาก Core ซะ

การครอบคลุมในการทดลอง Code

Bitcoin Core ประกอบไปด้วยชุดทดสอบเฉพาะที่เอาไว้ทำงานร่วมกับทุก ๆ Request และนักพัฒนาทุกคนจะสามารถใช้งานมันได้บน GitHub อ้างอิงจากนาย Lopp นั้น Code ทุกตัวจะถูกโคลนไปเก็บที่ GitHub ในขณะเดียวกันนั้น ก็ยังสามารถดู Code ฉบับเดียวกันได้ที่หน้าของ Marco Falke

และคำที่กล่าวว่านักพัฒนาแต่ละคนนั้นสามารถจงใจทำลาย Code ในการทดสอบได้หรือไม่นั้นเข้าให้ตอบว่า:

“ท้ายสุดแล้ว Node แต่ละตัวจะควบคุมด้วยตัวมันเอง โดยมั่นใจได้ว่าไม่มีใครใน Network ที่จะทำลายกฏพวกนี้เพื่อให้คนอื่น ๆ เห็นด้วย” นาย Lopp กล่าว “รูปแบบรักษาความปลอดภัยนี้เป็นรากฐานสำคัญในการดูแล Bitcoin”

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น