<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ระบบการจ่ายเงิน Samsung Pay เตรียมรองรับเหรียญ Cryptocurrency คาดเข้าถึงผู้ใช้งาน 10 ล้านคน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ก่อนที่จะมีประกาศเปิดตัว Samsung Blockchain Wallet แหล่งข่าวท้องถิ่นได้คาดไว้ว่า Samsung Pay เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการนำคริปโตเข้ามาสู่ Galaxy S10

คริปโตอาจถูกใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น

ในวันที่ 29 มกราคมมีรายงานจากทาง Korea Herald ในโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy S10 จะมีวอลเล็ทคริปโตเข้ามาด้วยซึ่งต่อมาก็มีการประกาศตัว Samsung Blockchain Wallet ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์

และยังมีรายงานออกมาว่า Samsung Pay ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคริปโตเคอร์เรนซีวอลเล็ทของ Galaxy S10 ซึ่งการที่ Samsung ได้นำวอลเล็ทคริปโตเข้ามาใส่ในระบบอาจจะเป็นการผลักดันให้คริปโตวอลเล็ทมีผู้ใช้งานมากขึ้นในเกาหลี

ต่อมาในวันที่ 8 มีนาคม 3 สัปดาห์หลังจากที่มีการเปิดตัว Samsung Blockchain Wallet สื่อข่าวในเกาหลีได้เผยว่า Samsung Pay พิจารณานำคริปโตเคอร์เรนซีเข้ามาในมือถือ Galaxy S10 รุ่นล่าสุดก็เพราะต้องการขยายฐานลูกค้าของตัวเองไปทั่วโลก

จากบทความของนิตยสาร Shin Donga หัวข้อ “Crypto, Flying Away With Samsung Pay on its Back?”  ได้เปิดเผยว่าการที่ Samsung Pay เริ่มพิจารณารับรองคริปโตเคอร์เรนซีก็เพื่อเพิ่มศักยภาพแพลตฟอร์มของตนให้เป็นแพลตฟอร์ม Fintech

รายงานของทาง CCN เผยว่า:

“Samsung Pay ขยายการให้บริการชำระเงินไปยังผู้ใช้งานต่างประเทศและเพิ่มบริการการชำระเงินมากขึ้นดังที่เห็นได้จากการเพิ่มคริปโตเคอร์เรนซีวอลเล็ทเข้ามาใน Galaxy S10 เพื่อเจาะตลาดการเงินโลก”

ถ้าหากวอลเล็ทคริปโตถูกเพิ่มเข้ามายัง Samsung Pay จะยิ่งทำให้แพลตฟอร์มของ Samsung Pay เป็นแพลตฟอร์ม Fintech อย่างสมบูรณ์ซึ่งในตอนนี้ Samsung Blockchain Wallet คาดว่าจะซัพพอร์ต Ethereum อย่างแน่นอนส่วนคริปโตสกุลอื่น ๆ คาดว่าจะถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลัง ก่อนหน้านี้ก็มีผู้คนสงสัยว่าทาง Samsung Pay จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อะไรออกมาซึ่งในตอนนี้ก็คงไม่ต้องสงสัยกันแล้ว

ตั้งแต่ที่เริ่มมีการประกาศเพิ่มคริปโตเคอร์เรนซีวอลเล็ทเข้ามาใน Galaxy S10 ก็ทำให้ Samsung Pay เป็นแอพพลิเคชั่นการชำระเงินดิจิตอลที่ล้ำสมัยกว่า Apple Pay และ KakaoPay ไปเสียแล้ว

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 Samsung Pay ได้เข้าซื้อ LoopPay เป็นเงินกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งการเข้าซื้อกิจการ LoopPay ดังกล่าวทำให้ผู้ใช้งาน Samsung Pay สามารถประมวลผลการชำระเงินผ่านทางมือถือมอบประสบการณ์ผู้ใช้งานที่เหนือกว่าบรรดาคู่แข่งทั้งหมด

จากข้อมูลของ Donga ในตอนนี้ผู้ใช้งาน Samsung Pay มีเพิ่มมากขึ้นกว่า 58% จากปี 2017 ถีงปี 2018 คือเพิ่มขึ้นประมาณ 6.6 ล้านคน

จากความสำเร็จของ Samsung ในการเข้าซื้อกิจการที่มีศักยภาพและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่รวมถึงการเริ่มนำคริปโตเข้ามาในผลิตภัณฑ์มันจึงไม่น่าแปลกใจเท่าใดนักหาก Samsung Pay จะกลายเป็นผู้นำด้านคริปโตเคอร์เรนซีในเกาหลีใต้

ทั้ง Samsung และคริปโตต่างได้ประโยชน์

ทาง Samsung Pay จะได้ประโยชน์จากการเปิดตัววอลเล็ทคริปโตนี้แน่นอนเพราะมันจะเป็นการดึงดูดฐานลูกค้าที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิตอลอยู่แล้ว เช่นเดียวกับทาง Square Cash ที่รองรับ Bitcoin เข้ามาในผลิตภัณฑ์

หลังจากที่ทาง Square Cash ได้รองรับ Bitcoin ในช่วงปลายปี 2017 มูลค่าตลาดของบริษัทก็เพิ่มขึ้นกว่า 516% จนกลายเป็นบริษัทที่ให้บริการการชำระเงินรายใหญ่

แม้ Bitcoin จะไม่ใช่สิ่งที่ทำให้บริษัท Square Cash เติบโตเร็วมากขนาดนั้นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นสิ่งสำคัญและมีบทบาทมากในการสร้างฐานลูกค้าให้กับ Square Cash จนทำให้บริษัทมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้

กลับมาทางด้านของ Samsung Pay เมื่อเดือนเมษายนปี 2018 มีรายงานเผยว่าทางบริษัทมีวอลลุ่มการทำธุรกรรมกว่า 18 พันล้านเหรียญสหรัฐและผู้เชี่ยวชาญต่างก็เชื่อว่าการที่นำคริปโตเข้ามาใน Samsung Pay จะยิ่งเป็นการผลักดันให้มีการใช้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นเงินกระแสหลักเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องการซื้อขายสินค้า

อย่างไรก็ตามทางผู้เชี่ยวชาญก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่าแม้การเปิดตัว Samsung Blockchain Wallet จะช่วยยกระดับการเข้าถึงคริปโตเคอร์เรนซีจากผู้คนมากขึ้นแต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คริปโตเคอร์เรนซีถูกนำไปใช้เป็นเงินกระแสหลักโดยเฉพาะในร้านค้าปลีก ซุปเปอร์มาร์เกต คาเฟ่หรือร้านอาหารต่าง ๆ 

ที่มา ccn.com

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น