อ้างอิงจากฐานข้อมูลของสินทรัพย์ดิจิตอลอย่าง Messari นั้นพบว่าได้มีอัตราการเสียค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมผ่านสกุล Ethereum คิดเป็นจำนวนกว่า 207,000 ดอลลาร์ เพียงแค่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ต่างจาก Bitcoin ที่คิดเป็นจำนวน 180,000 ดอลลาร์ เนื่องจากอัตราการใช้งานสกุลเงินดังกล่าวที่สูงขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาสั้นๆ
ในช่วงเวลาปกติแล้ว เหรียญ Ethereum นั้นมีอัตราค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.16 ดอลลาร์ต่อหนึ่งธุรกรรม ต่ำกว่า Bitcoin ที่อัตรา 0.20 ต่อหนึ่งธุรกรรมนั่นเอง อีกทั้งแม้ในช่วงซึ่งมีการใช้งานเหรียญทั้งสองสกุลจนเต็มขีดความสามารถแล้ว เครือข่ายของทั้งสองนั้นยังคงวิ่งอยู่ในความเร็วที่ 1 เม็กกาไบต์ต่อสิบนาทีเท่านั้น
เมื่อพิจารณาตารางด้านบนนี้จะเห็นว่าเครือข่ายอื่นๆนอกจากทั้งสองสกุลข้างต้นนั้นเป็นเพียงส่วนน้อยอย่างมากในตลาด เห็นได้ชัดจากอันดับสามคือ Litecoin ซึ่งมีอัตราการเสียค่าธรรมเนียมรวมแล้วไม่ถึง 1,000 ดอลลาร์ หรือในอันดับถัดมาอย่าง Bitcoin Cash ซึ่งมีอัตราดังกล่าวเพียง 150 ดอลลาร์เท่านั้น
ทาง Ethereum นั้นยังได้มีแผนการพัฒนาขีดความสามารถของเครือข่ายกว่าอีก 25% ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำได้โดยการอาศัยการออกคะแนนเสียงท่ามกลางเหล่านักขุดบนเครือข่ายนั่นเอง
หนึ่งในนักขุดซึ่งมีอิทธิพลมากที่สุดของเครือข่าย Ethereum อย่าง Ethermine ได้กล่าวว่าพวกเค้าตั้งเป้าหมาย Gas สูงสุดไว้ที่ 10 ล้านหน่วย โดยทั้งนี้ข้อมูลจากในตารางด้านบนนั้นแสดงให้เห็นว่าปริมาณ Gas ดังกล่าวของ Ethereum นั้นอยู่ที่ 8.7 ล้านหน่วยแล้วจากเดิม 8 ล้านหน่วยหแต่ก็ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วตามที่คาด
ทาง Ethermine นั้นได้ออกมากล่าวถึงเหตุผลที่การดำเนินการนั้นช้ากว่าที่ตั้งไว้นั้นอาจเป็นเพราะนักขุดชื่อ F2Pool นั้นได้ออกคะแนนเสียงกลับไปกลับมา ซึ่งได้กล่าวว่า
“พวกเค้าน่าจะใช้ Parity แบบที่ตั้งค่าไว้เดิมคือมันตั้งลิมิต Gas อยู่แล้วไว้ที่ 8 ล้านหน่วย แต่ในขณะนี้ได้มีการโหวตเพิ่มเพื่อขยายเพดานสูงสุดดังกล่าวขึ้นไปที่ 10 ล้านหน่วยเมื่อ Block การประมวลผลนั้นเริ่มเต็มขีดความสามารถ”
สำหรับตัว Ethermine เองนั้นก็ได้เคยกล่าวไว้ก่อนที่จะมีการประกาศปรับขึ้นขีดการประมวลผลส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากแรงกดดันของผู้คนในตลาดว่าพวกเค้าได้ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นที่ 8 ล้านหน่วยแล้วก็ไม่ได้เข้าไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนักอีกด้วย
สำหรับเหล่านักขุดรายย่อยก็น่าจะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยพวกเค้าอาจจะตั้งค่าเริ่มต้นไว้เหมือนกันเนื่องจากอาจจะไม่รู้ถึงวิธีการดำเนินการเปลี่ยนแปลงมันหรือพวกเขาอาจปรับเปลี่ยน Node Client เองเลยก็ได้
ดังนั้นแล้วทางออกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการที่นักพัฒนาหรือนักขุดนั้นตั้งค่าเริ่มต้นของ Client ใหม่ไปเลย แต่ทั้งนี้ในปัจจุบันเหล่านักขุดก็ได้มีการลงคะแนนเสียงให้มีการเพิ่มความจุของเครือข่ายให้มากขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เว็บไซต์สำหรับการคำนวนค่าธรรมเนียมอย่าง EthGasStation ยังได้มีการประมาณค่าธรรมเนียมในการดำเนินธุรกรรมปกติไว้ที่ 0.14 ดอลลาร์ ซึ่งหากเป็นธุรกรรมในรูปแบบอื่นเช่น ธุรกรรมแบบ Token- based นั้นอาจมีอัตราค่าธรรมเนียมกว่าสองเท่าของปกติหรือหากเป็นธุรกรรมบน Smart Contract นั้นก็อาจจะมีราคาที่สูงมากขึ้นไปอีก ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการดำเนินธุรกรรม
ส่วนหนึ่งของเหตุผลที่อัตราค่าธรรมเนียมนั้นสูงขึ้นนั้นอาจมีที่มาจากการที่ผู้ใช้งานบนระบบบางรายนั้นรับค่าธรรมเนียมสูงเกินกว่าตลาดมาก เช่นโครงการอย่าง fairwin.me. ซึ่งเป็นเสมือนการพนันเงินปันผลที่จะได้รับจากโครงการดังกล่าว หรือโครงการ Tether ซึ่งปรับลดลงเหลือ 10% จากเดิมที่รับสูงถึง 50% ในช่วงไม่กี่วันก่อน ทั้งยังมีผู้ใช้รายอื่นๆในตลาดเป็นตัวแปรที่สำคัญอีกด้วย
เพื่อเป็นการตอบสนองต่อเป้าหมายดังกล่าว เหล่านักพัฒนาได้มีการเตรียมชุดกฎคำสั่งชุดใหม่ซึ่งจะมาพร้อมกับการ HardFork ครั้งใหม่ในชื่อ Istanbul ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นมุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนแปลงการคำนวนอัตราค่าธรรมเนียมรวมทั้งปริมาณในการประมวลผลต่อหนึ่งหน่วย โดยหากการเปลี่ยนแปลงดังกล่านั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว จะส่งผลให้การเพิ่มอัตราเพดานค่าธรรมเนียมนั้นทำได้ง่ายขึ้น จนกว่าจะมีเหตุที่ต้องให้เพิ่มเพดานขึ้นอีกครั้ง
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น