มหากาพย์คดีของนาย Craig Wright ก็ยังคงไม่จบง่าย ๆ ในตอนนี้ก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว กรณีพิพาทระหว่างพาร์ทเนอร์ธุรกิจคนเก่าของนาย Craig Wright ที่ได้เสียชีวิตลงเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ Bitcoin มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ก็ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งกระบวนพิจารณาทางศาลได้นัดในวันที่ 30 มีนาคมนี้แล้วแต่ก็ยังคงมีหลายประเด็นที่ไม่กระจ่าง
กรณี Tulip Trust
คำถามที่ตอนนี้ยังไม่ได้รับคำตอบคือเรื่อง Tulip Trust ที่อ้างว่าเป็นที่ที่นาย Wright และ Kleiman ได้เก็บ Bitcoin ที่ขุดมาด้วยกันระหว่างปี 2009 ถึงปี 2013 จนศาลได้มีคำสั่งให้เปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับทรัสต์ดังกล่าวเมื่อช่วงเดือนธันวาคมปี 2019 ด้านของนาย Wright ก็ได้ออกมารับสารภาพว่าเขาไม่ได้มีคีย์ใน Address ที่มีเงินฝากเอาไว้
โดยเขาได้อ้างว่าคีย์ที่จะทำให้เขาเข้า Address เหล่านั้นได้จะมาถึงในเดือนมกราคมนี้ ซึ่งจะเป็นการยืนยันว่าเขาเป็นเจ้าของคริปโตจริงๆ ซึ่งนาย Wright ก็ได้ออกมาแสดงเอกสารที่เหมือนจะเป็นรายละเอียดของ Tulip Trust มาด้วย ต่อมาเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมาทนายของ Kleiman ก็ได้รับเอกสารที่ชี้ว่ามันมีทรัสต์อีกสามแห่งเพิ่มขึ้นมาซึ่งเขาต้องการที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลเหล่านั้น
โดยนาย Beth Bloom ผู้พิพากษาของสหรัฐ ได้อนุญาตให้นาย Craig Wright พิสูจน์การเข้าถึง Bitcoin มูลค่ากว่า 9.2 พันล้านดอลลาร์ที่ถูกล็อคไว้ใน “Tulip Trust” ได้จนถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้
ทั้งนี้ Tulip Trust คือเอกสารที่ถูกเข้ารหัสเอาไว้ ซึ่งข้างในนั้นจะมีคีย์ของนาย Wright และนาย Kleiman ที่เคยขุด Bitcoin ร่วมกันและต้องใช้ลายเซ็นที่เข้ารหัสของทั้งสองคนถึงจะสามารถเข้าถึงปลดล็อก Bitcoin เหล่านั้นได้
บุคคลปริศนา
เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ทีมของนาย Wright ก็ได้ยื่นเอกสารโดยเผยว่ามันมีข้อมูลที่จะเป็นเกี่ยวกับคีย์ที่จะสามารถปลดล็อกไฟล์ที่เข้ารหัสนั้นได้ ซึ่งจะถูกดำเนินการโดยบุคคลภายนอก ซึ่งรายละเอียดไม่ได้บอกว่าบุคคลภายนอกนี้คือใคร
ก่อนหน้านี้นาย Wright ก็ได้ออกมาแสดงกระเป๋าเก็บ Bitcoin กว่า 16,404 รายการ ซึ่งเมื่อทาง Kleiman ได้รับเอกสารเหล่านั้นก็รีบยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอขยายระยะเวลาในการพิจารณาคดี เพื่อให้จำเลยตอบคำถามต่างๆ ที่โจทก์ได้ถามเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้จัดส่งคีย์ดังกล่าวที่นาย Wright เคยอ้างไว้ว่าจะส่งของมาถึงภายในเดือนมกราคมนี้
ด้านของนาย Craig Wright ก็รีบออกมาโต้ทันทีกรณีที่โจทก์ขอยื่นขยายระยะเวลานั้นโดยได้แย้งว่าการขอขยายระยะเวลาดังกล่าวนั้นเป็นไปเพื่อประวิงเวลา แต่ศาลก็มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาในที่สุด
กระแสตอบรับจากสังคม
สังคมก็ยังคงตั้งคำถามเรื่องของ Tulip Trust และรอให้ผู้จัดส่งของตามที่นาย Wright กล่าวถึงนั้นส่งคีย์มาให้ ซึ่งก็ทำให้มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่าเขานั้นได้ตั้งใจที่จะทำให้สังคมเข้าใจผิดมาตั้งแต่แรก เพื่อให้เชื่อว่าเขานั้นสามารถที่จะปลดล็อกทรัสต์นั้นได้จริงๆ
แต่ความจริงแล้วการที่บอกว่าจะมีข้อมูลสำคัญและคีย์ที่จะเอามาปลดล็อกเอกสารที่เข้ารหัสได้มันฟังดูเหมือนว่านาย Wright นั้นกำลังที่จะเข้าถึงทรัสต์ที่เก็บ Bitcoin เอาไว้ได้แล้ว แต่จริงๆ มันหมายความว่าเขาสามารถปลดล็อกเอกสารที่เข้ารหัสด้วย public addresses ที่อ้างว่ามันลิงค์กัน
Public addresses มันก็เหมือนกับ public keys ที่จำเป็นที่จะต้อง match กับ private keys เพื่อที่จะทำให้สามารถเข้าไปในคลังที่เก็บสินทรัพย์ได้ แต่ไม่มีเอกสารศาลใดๆ ที่บอกว่านาย Wright นั้นได้ private key มาแล้วเพื่อที่จะเข้าไปยังทรัสต์นั้นได้
โดยสรุปก็คือเขาใช้คำที่ทำให้สังคมตีความกันไปผิดๆ และทำให้เข้าใจว่าเขานั้นกำลังจะได้คีย์สำหรับการเข้าไปทรัสต์ดังกล่าวมา แต่ความจริงแล้วไม่ได้มีบอกไว้ในเอกสารใดๆ ว่าเขานั้นได้ private key เพื่อเข้าไปในคลังเก็บ Bitcoin นั้นแล้ว
ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวออกมาว่ามีการโอนย้าย Bitcoin มูลค่าหลายล้านเหรียญซึ่งก็ลือกันไปว่าเป็นวอลเล็ทของนาย Wright ทั้งที่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ แต่เป็นของ Bitfinex
โดยทนายความของ Craig Wright ได้ยืนยันกับทาง Decrypt ในวันที่ผ่านมาว่านาย Craig Wright ไม่ได้มีความเป็นเจ้าของหรือไม่ได้อ้างว่าเป็นเจ้าของ Private Key ที่เป็นของ Satoshi Nakamoto ตัวจริงเท่านั้นที่ควรจะมีมันไว้ในการเก็บ Bitcoin ที่ขุดมาได้มูลค่ากว่า 8 พันล้านดอลลาร์
ด้านนาย Wright ก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง ccn ว่า Kleiman นั้นจะไม่ได้รับอะไรจากเขาไปเลยเพราะเขาไม่ได้ให้อะไรกับทางโจทก์ไปสักอย่าง ซึ่งก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่าคดีนี้จะจบกันอย่างไร
Source: cointelegraph
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น