อารมณ์ของนักลงทุน bitcoin ในตลาดนั้นดูเหมือนว่าจะมีความมั่นคงและแข็งกร่างอย่างมากในช่วงการ halving แม้ว่าจะมีการร่วงลงของราคาอย่างรุนแรง และการเคลื่อนไหวของราคาที่ดูเหมือนว่าจะไม่ไปไหนเลยในช่วงหลังจากการ halving ก็ตาม อ้างอิงจาก CEO ของแพลทฟอร์มด้านการวิเคราะห์ข้อมูล The Tie นาย Joshua Frank
“เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นยังทำให้ Bitcoin ยังคงถือไพ่เหนือกว่าอยู่ได้” กล่าวโดยนาย Frank ให้สัมภาษณ์กับ Decrypt “คำว่า halving นั้นยังคงเป็นคำที่ถูกใช้มากที่สุดบน Twitter ในการพูดคุยเกี่ยวกับ Bitcoin และ 65% ของทวีตจำนวน 4,119 ทวีตจากในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นได้มีการกล่าวถึงการ halving ที่มีความเป็นบวกอย่างมากอีกด้วย นี่ถือเป็นแค่ส่วนหนึ่งของทวีตจำนวนหลายพันทวีตที่ใช้ hashtag คำว่า และ 2020 ที่ทั้งสอง hashtag นี้มีการกล่าวถึงคำดังกล่าวที่เป็นบวก”
ก่อนที่จะมีการ halving เกิดขึ้นมานั้น ดูเหมือนว่าตัวชี้วัดอารมณ์ของตลาดจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบปี ซึ่งถือเป็นเวลาแค่สักพักหนึ่งก่อนที่มันจะพุ่งไปแตะ 10,000 ดอลลาร์ในวันที่ 7 เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่กระนั้น กระแสด้านบวกของ Bitcoin halving ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถอยู่ได้นาน เมื่ออารมณ์ของตลาดนั้นได้กลายเป็นลบประมาณสองวันก่อนเกิดการ Halving เนื่องจากการร่วงลงอย่างรุนแรงของราคา
“เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ราคาของ Bitcoin นั้นร่วงลงมากกว่า 10%, อารมณ์ของตลาดนั้นร่วงลงมาในระดับที่ต่ำที่สุด หากนับตั้งแต่วันที่ราคา Bitcoin นองเลือดเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา” กล่าวโดยนาย Frank
กระนั้น แม้ว่าจะมีแรงกดดันด้านลบที่ทำให้ราคาร่วงอย่างรุนแรงนั้น แต่นักลงทุนก็ยังไม่สะทกสะท้าน จนทำให้ระดับอารมณ์ของตลาดนั้นฟื้นตัวกลับมาได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น
เมื่อการ halving มาถึงนั้น ก็ได้มีการพูดถึง Bitcoin บนทวิตเตอร์ที่สูงที่สุดตั้งแต่ถูกบันทึกมาตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2019 เลยทีเดียว โดยครั้งถัดไปนั้นก็คือของวันที่ 12 มีนาคมซึ่งถือเป็นวันที่ราคานั้นร่วงอย่างรุนแรง
ที่น่าสนใจอีกก็คือ เครื่องมือที่ใช้วัดเทรนด์การสนทนาบนทวิตเตอร์นามว่า Tweet dominance ของ Bitcoin นั้นเผยให้เห็นถึงการทำสถิติสูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาเลยทีเดียวหากนับตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2017
ดังนั้นแม้ว่าการ halving ของ Bitcoin นั้นจะไม่ได้ทำให้หลาย ๆ คนต้องว้าวกับราคาสักเท่าไรนัก แต่อย่างน้อยตัวชี้วัดอารมณ์ของตลาดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเกินความคาดหมายไปมาก ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปในระยะยาวว่าตลาดจะเป็นอย่างไรต่อไป