พวกเรากำลังอาศัยอยู่ในโลกที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง หากเทคโนโลยีที่พวกเราเห็นอยู่ในตอนนี้ช่วยบ่งบอกยุคและสมัยได้ คำถามที่ตามมาก็คือในยุคต่อไปเราจะได้เห็นอะไรอีก? แต่กระนั้นลองหันไปมองดูรอบๆตัวเราจะค้นพบว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกนั้นมักจะไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อยๆ และบล็อกเชนก็ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในนั้น ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมต่างๆนั้นไร้ขอบเขตและจุดสิ้นสุด จนทำให้หลายๆคนสงสัยว่ามันสามารถนำไปปรับใช้กับอุตสาหกรรมอะไรได้บ้าง
ความสวยงามของเทคโนโลยีบล็อกเชน
เทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นถือเป็นเทคโนโลยีที่มีการเข้ารหัสอีกทั้งยังช่วยให้ข้อมูลนั้นมีความโปร่งใสและไม่จำเป็นต้องมีการไว้ใจใครในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ข้อมูลที่ถูกเก็บไว้บนเทคโนโลยีดังกล่าวยังสามารถถูกเข้าถึงโดยใครก็ได้บนโลกนี้ รวมทั้งส่งต่อความเป็นเจ้าของของข้อมูลนานๆไปมาได้แบบไร้ตัวตนอีกด้วย โดยหากจะให้อธิบายแบบง่ายๆนั้น เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถที่จะช่วยบันทึกข้อมูลการทำธุรกรรมบนสมุดบัญชีที่ทุกๆคนบนโลกนี้สามารถมาเป็นผู้ช่วยตรวจสอบร่วมกันได้
ด้วยความที่มันมีความเป็น decentralized สูง จึงทำให้มันมีความปลอดภัย และสามารถปลดแอกตัวมันเองจะอำนาจการควบคุมขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง แม้ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนั้นจะถูกนำมาใช้สร้าง bitcoin ตั้งแต่เมื่อช่วงปี 2009 ซึ่งก็ถือว่านานมาแล้ว แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวนั้นกำลังถูกนำไปปรับใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆเป็นจำนวนมาก
อุตสาหกรรมที่เทคโนโลยีบล็อกเชนจะเข้ามาเปลี่ยนแปลง
ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้เทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นถูกนำไปปรับใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นด้านการเงินไปจนถึงด้านศิลปะ และตั้งแต่ด้านการประกันไปจนถึงด้าน Social Media การติดตั้งเทคโนโลยีบล็อกเชนในอุตสาหกรรมดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาที่อยู่ในวงการนั้น ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนก็ไม่ได้เหมาะสมกับทุกๆอุตส่าห์หกรรมเสมอไป โดย tristy อยู่ด้านล่างนี้ถือเป็นอุตสาหกรรมที่คาดว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนจะเข้ามาปฏิวัติวงการได้มากที่สุด
การเงิน
หลายๆคนพยายามที่จะแทนที่บุรุษไปรษณีย์ด้วยการใช้อีเมล ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และนั่นก็รวมไปถึงการแทนที่เงินกระดาษด้วยเงินดิจิทัลที่รันอยู่บนบล็อกเชนด้วยเช่นกัน ในช่วงแรกๆนั้นรัฐบาลในหลายๆประเทศมอง bitcoin ว่าเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพด้านการเงินของพวกเขาเนื่องจากว่ามันช่วยปกปิดตัวตนของผู้ทำธุรกรรมได้ อย่างไรก็ตามมุมมองดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งล่าสุดนี้เราได้เห็นรายงานที่ว่ารัฐบาลจีนต้องการจะสร้างเหรียญหยวน Digital เป็นของตัวเอง ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับเวลาว่าประเทศใดที่กล้าจะเปลี่ยนแปลงได้ก่อนประเทศนั้นก็มีโอกาสที่จะนำหน้าประเทศอื่นไปได้ก่อน
ด้านสุขภาพ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีบริษัทในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสุขภาพเป็นจำนวนมากที่พยายามนำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาทดสอบ ซึ่งนั่นประกอบไปด้วยโครงการที่น่าสนใจอย่าง Coin MD, BurstIQ และอื่นๆอีกมากมาย เมื่อพวกเขานำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาผนวกกับผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของพวกเขา ผู้คนที่ต้องได้รับการรักษาและปฐมพยาบาลก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามลำดับ
ด้านการจัดการเอกสาร
เมื่อโลกของเรากำลังเหวี่ยงให้มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้ชัดเจนก็คือการเปลี่ยนจากการใช้การเก็บข้อมูลบนกระดาษไปเป็นรูปแบบ Digital แทน ดังนั้นความต้องการในด้าน timestamp หรือการลงเวลาเพื่อบันทึกข้อมูลบนเอกสารนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าครั้งไหนๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้มันจะเป็นเรื่องที่ง่ายในการเปลี่ยนแปลงและแก้ไขข้อมูลบนฐานข้อมูลแต่ถ้าว่าเมื่อมีการนำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้ มันจึงเป็นเรื่องยากที่ผู้ไม่หวังดีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลออกจากฐานข้อมูลได้อย่างง่ายๆอีกต่อไป โดยหนึ่งในผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บเอกสารชื่อดังก็คือ SCRIV network โดยพวกเขาเป็นผู้นำในเทคโนโลยีดังกล่าว
ในด้าน Social Media
การมาของเทคโนโลยีบล็อกเชนสู่โลกของสื่อหรือ Media นั้นกำลังส่งผลทำให้วงการดังกล่าวต้องอยู่ในช่วงกำลังเปลี่ยนแปลง อย่างแรกก็คือการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อตรวจสอบข้อมูลและเพื่อลดการปล่อยข่าวปลอมลง นอกจากนี้ผู้ที่เข้ามาช่วยแบ่งปันข้อมูลบนสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ยังสามารถที่จะได้รับรายได้เป็นรางวัลตอบแทนอีกด้วย ฟังก์ชันเหล่านี้จะสามารถช่วยยืนยันข้อมูลที่อยู่บนเครือข่ายได้อย่างถูกต้องพร้อมๆกับการกำจัดอำนาจของเจ้าของ Social Media ที่สามารถจะทำอะไรก็ได้อยู่ฝ่ายเดียว โดยตัวอย่างที่มีให้เห็นก็คือ Hyperledger Fabric และ Steemit
โดยสรุป
เทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นกำลังเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ของผู้คนในด้านการจ่ายเงินและรวมถึงการทำธุรกรรมไปทั่วโลก โดยตัวอย่างที่มีให้เห็นก็คือเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ที่กำลังผลักดันทำให้ธนาคารทั่วโลกกำลังตื่นตัวและพัฒนาการโอนเงินระหว่างประเทศให้มีความรวดเร็วและมีต้นทุนที่ถูกลง หากเปรียบเทียบกับระบบที่ล้าสมัยในปัจจุบัน นอกจากนี้บริษัทด้านประกันก็สามารถที่จะนำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้เพื่อตรวจสอบการขอเคลมความเสียหาย ส่วนบริษัทด้านการเกษตรและการท่าเรือก็สามารถ นำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้แก้ไขปัญหาของพวกเขาได้เช่นกัน ซึ่งเป็นที่เชื่อว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นอีกหลายๆวงการที่สามารถนำเอาเทคโนโลยีนี้ไปต่อยอดได้อย่างชาญฉลาดและยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ทั่วโลก