เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา Bitcoin ได้สร้างประวัติศาสตร์ทำสถิติราคาสูงสุดใหม่เหนือระดับ $24,200 ต่อ 1 BTC และแม้ว่าราคาจะร่วงกลับลงมาที่ระดับ $22,000 แต่ราคาเฉลี่ยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังคงอยู่ที่ระดับ $23,200
ซึ่งบริษัทรับปรึกษาด้านการลงทุน deVere Group ได้คาดการณ์ว่าระดับราคาที่สูงในช่วงนี้เกิดจากความมั่นใจในการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากการที่มีนักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนกันอย่างเข้มข้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งมูลค่าโดยรวมของสัญญาการซื้อขายแบบ Future ของ Bitcoin ที่ Chicago Mercantile Exchange (CME) ล่าสุดนั้นมีมูลค่าสูงถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นักลงทุนสถาบันแห่เข้ามาถือครอง Bitcoin เพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดการปรับฐานของราคา
ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้มีนักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมากในตลาดคริปโต ไม่ว่าจะเป็น Grayscale หรือ Microstrategy ที่ได้เข้ามาลงทุนด้วยเม็ดเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ล่าสุดได้มีการคาดการณ์ว่าบริษัท Grayscale นั้นได้ถือ Bitcoin อยู่เป็นจำนวน 576,650 BTC ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
และในเดือนนี้ Microstrategy ยังได้เปิดขายตราสารหนี้เพื่อนำมาลงทุนใน Bitcoin ซึ่งเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ อีกด้วย
อัตรา Funding Rates ของสัญญา Future ที่สม่ำเสมอ
ปัจจุบันอัตรา Funding Rates ของสัญญา Future ยังคงที่อยู่ประมาณ 2% ต่อสัปดาห์ ซึ่งสำหรับสัญญา Future แล้วถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของตลาดที่คาดการณ์ว่าราคาของ Bitcoin จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งแม้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีราคาผันผวนเกิดขึ้นบ้างแต่อัตรา Funding rate ของสัญญา Future ที่ 2% ทำให้นักลงทุนทั่วไปยังคงเชื่อมั่นว่าราคาจะยังคงเป็นขาขึ้นต่อไป
กระแสการพูดถึงกันอย่างกว้างขวางบน Social Network
ข้อมูลจาก TheTie แสดงให้เห็นว่าหลังจากที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นทะลุจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปริมาณการ Tweet เกี่ยวกับตลาดคริปโตก็พุ่งสูงเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าจะมีการพูดถึงตลาดคริปโตกันมากขึ้น นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีจำนวนนักลงทุนเพิ่มเข้ามามากขึ้นในอัตราเดียวกัน แต่อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าตลาดคริปโตกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง
อัตราของ Put-to-Call Options ที่ชี้ให้เห็นถึงตลาดขาขึ้น
โดยทั่วไปอัตรา Put-to-Call ที่น้อยกว่า 1 จะแสดงให้เห็นถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่ว่าตลาดจะยังอยู่ในโหมดขาขึ้น และกลับกันหากอัตรา Put-to-Call อยู่ที่ระดับสูงกว่า 1 นักลงทุนคาดว่าตลาดอาจจะอยู่ในโหมดขาลง
โดยหลังจากที่ Bitcoin พุ่งทะลุแนวต้านที่ $20,000 มา อัตรา Put-to-Call พุ่งไปทำจุดสูงสุดไว้ที่ 1.08 ก่อนจะตกลงกลับมาที่ระดับ 0.60 อีกครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนจำนวนมากมีความเห็นตรงกันว่าราคา Bitcoin จะยังคงมีแนวโน้มขาขึ้นต่อไป
จากทั้งหมดนี้สามารถนำมาสรุปได้ว่า แม้จะมีการปรับฐานของราคา Bitcoin อย่างต่อเนื่อง แต่นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าราคา Bitcoin ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ราคาได้พุ่งไปแตะที่ระดับ $24,000 อีกครั้งก่อนราคาจะร่วงลงมาในภายหลัง อย่างไรก็ตามนักลงทุนก็ยังคาดการณ์กันว่าราคา Bitcoin ยังคงอยู่ในโหมดขาขึ้นต่อไป
ที่มา: cointelegraph