ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาราคา Bitcoin ได้พุ่งทะยานไปทำระดับราคาสูงสุดใหม่ที่ $42,000 ก่อนที่จะเกิดการปรับฐานของราคาราคา ซึ่งล่าสุดนั้นมีการซื้อขายกันอยู่ที่ระดับประมาณ $35,000
ในตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากการฟื้นตัวจากการปรับฐานราคา ล่าสุดราคากลับมามีแนวโน้มการเคลื่อนตัวแบบ Sideway อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทาง JPMorgan ได้กล่าวเตือนว่าราคาอาจร่วงลงอย่างรุนแรงหากไม่สามารถทำลายแนวต้านระดับ $40,000 ลงได้
ทีมนักวิเคราะห์ของ JPMorgan ยังได้ออกมากล่าวเตือนอีกด้วยว่า จากการพุ่งขึ้นของราคาที่ผ่านมาอาจทำให้นักลงทุนเริ่มเทขายทำกำไรซึ่งอาจส่งผลให้มีการปรับฐานราคาเกิดขึ้นอีก
“เราคาดว่าโมเมนตัมของราคาจะค่อย ๆ ลดลงอย่างต่อเนื่องและหมดสิ้นลงในช่วงเดือนมีนาคม”
ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันราคา Bitcoin ได้พุ่งขึ้นกว่า 300% หลังจากที่นักลงทุนสถาบันเริ่มเข้าสู่ตลาดคริปโตกันมากขึ้น โดยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาได้มีการลงทุนผ่าน Grayscale Bitcoin Trust มากขึ้น ทำให้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 Grayscale มีการลงทุนในตลาดคริปโตสูงถึง 3.3 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท
ซึ่ง JPMorgan ได้ออกมาเตือนว่า “การที่ Grayscale สามารถระดมการลงทุนได้มากถึง 100 ล้านเหรียญต่อสัปดาห์นั้นมาจากความคาดหวังของนักลงทุนที่ได้คาดกันว่าราคาอาจจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงได้ทุกเมื่อ” ซึ่งหากไม่สามารถฝ่าแนวต้าน $40,000 อาจทำให้ความคาดหวังของนักลงทุนเปลี่ยนแปลงไปได้
จากล่าสุดที่ราคา Bitcoin ยังคง sideway อยู่ที่ระดับประมาณ $36,000 ก็ดูจะไม่ได้เลวร้ายตามที่ JPMorgan ได้คาดการณ์ไว้มากนัก ซึ่งนักวิเคราะห์การเงินบริษัท FxPro นาย Alex Kuptiskevich ได้กล่าวว่า “Bitcoin ไม่สามารถฝ่าแนวต้าน $40,000 ไปได้อีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังอยู่ในระดับราคาหลังการปรับฐานราคาอยู่ แต่อย่างไรก็ตามแนวรับที่ระดับ $35,000 นั้นก็สามารถพยุงราคาไว้ได้ ซึ่งเป็นไปได้ที่แนวโน้มขาขึ้นจะกลับมาอีกครั้ง หากมีนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาลงทุนในตลาดเพิ่มขึ้นในอนาคต”
ที่มา: Forbes