ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต CoinDesk นาย Mike Kayamori ได้กล่าวว่า “XRP เป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญีปุ่น อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัท SBI ที่ได้ร่วมงานกับทางบริษัท Ripple อีกด้วย”
บริษัท Ripple ได้ถูกฟ้องร้องโดยก.ล.ต. สหรัฐฯ ว่าบริษัทได้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการขึ้นศาลรอบแรกในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้
แม้ตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นนั้น XRP ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของของสกุลเงินคริปโต แต่คดีความนี้เกิดขึ้นที่สหรัฐฯ และในเอกสารการฟ้องของก.ล.ต. ยังได้ระบุด้วยว่า Ripple ได้ยื่นขอจดทะเบียน XRP เป็นสกุลเงินดิจิทัลแต่ไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตามสำหรับประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ยังสามารถทำการซื้อขาย XRP ได้โดยไม่ผิดข้อกฎหมายใด ๆ ในประเทศ
ผลของคดีความต่อนักลงทุนในญี่ปุ่น
จากคดีความครั้งนี้ ทำให้แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตหลายแห่งหยุดให้ซื้อขายสกุลเงิน XRP โดยล่าสุด Coinbase และ Binance ได้ออกมาประกาศที่จะหยุดให้บริการซื้อขาย XRP อีกด้วย
นาย Kayamori ยังได้กล่าวอีกว่า “ผมคาดว่า ชุมชนคริปโตจะรู้สึกว่าคดีความครั้งนี้รุนแรงมากสำหรับพวกเขา และอาจให้เห็นว่าอาจะเจออะไรแบบนี้ได้อีกในอนาคต”
ซึ่งคดีความครั้งนี้ยังได้สร้างความหวาดวิตกให้กับนักลงทุนในญี่ปุ่นอีกด้วย โดยนักลงทุนผู้ใช้นามแฝงว่า Okurisan ให้สัมภาษณ์กับทาง Coindesk ว่าเขาได้ขายเหรียญ XRP เกือบทั้งหมดของเขาหลังจากที่มีการฟ้องร้องดังกล่าวเกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้คาดว่าราคา XRP จะกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้งในภายหลัง ซึ่งเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านราคาของ XRP นั้นได้ฟื้นตัวกลับมาระดับหนึ่ง
บริษัท SBI Holdings ออกมากล่าวปกป้องบริษัท Ripple
บริษัท SBI Holdings นั้นเป็นบริษัทการเงินขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1999 และเป็นผู้นำด้านธุรกิจบริการทางการเงินในญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบัน SBI Holding มีทรัพย์สินอยู่ประมาณ 950 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจากการรายงานของ Nikkei Asia ระบุว่าบริษัทได้วางแผนที่จะเปิดธุรกิจเพิ่มโดยได้วางเงินทุนไว้ที่ 920 ล้านดอลลาร์อีกด้วย
โดยหลังจากที่ก.ล.ต. สหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวหาบริษัท Ripple ทาง SBI ก็ได้ออกแถลงการณ์ว่า “ตามกฎหมายประเทศญี่ปุ่นนั้น XRP ไม่ได้ถูกจัดหมวดหมู่เป็นหลักทรัพย์แต่เป็นสกุลเงินคริปโต”
นอกจากนี้ CEO ของบริษัท SBI และคณะกรรมการของ Ripple Labs นาย Yoshikata Kitao ยังได้ระบุอีกว่าหน่วยงานการเงินของญี่ปุ่น (FSA) ยังได้ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า XRP นั้นไม่ใช่หลักทรัพย์แต่อย่างใด ซึ่งเขาคาดว่าจะทำให้ Ripple รอดพ้นจากคดีนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ในขณะเดียวกัน รายงานก.ล.ต. ยังระบุด้วยว่า Ripple ได้ทำการขายเหรียญจำนวนกว่า 1.1 พันล้านเหรียญ XRP ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ ให้กับ SBI Holdings อีกด้วย
อีกทั้งยังได้อ้างอิงถึงทวิตของนาย Kitao ที่กล่าวว่า “โอ้โห ราคา XRP ทำ All-Time High ลืม Bitcoin ไปให้หมด เรากำลัง All-in XRP กันแล้ว!”
ซึ่ง Okurisan ยังได้ให้ความเห็นด้วยว่า “ผมซื้อ XRP เพราะว่า XRP ได้รับการสนับสนุนจาก SBI Holding”
นอกจากนี้ทั้ง 2 บริษัทยังได้ตั้งบริษัทร่วม SBI Ripple Asia เพื่อเปิดให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน และใช้จ่ายระหว่างประเทศภายในภูมิภาคเอเซียโดยใช้ระบบ RippleNet อีกด้วย ซึ่ง Ripple ได้วางแผนร่วมมือกับบริษัททั่วโลกเพื่อเปิดให้บริการ RippleNet ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา
ข้อสรุปทางด้านกฎหมาย
หลังจากที่มีคดีความเกิดขึ้นที่สหรัฐฯ CEO บริษัท Ripple นาย Brad Garlinghouse ได้ออกมายอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่ทางบริษัทอาจจะย้ายสำนักงานใหญ่ออกจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป้าหมายในเบื้องต้น อาจจะเป็นประเทศอังกฤษ หรือญี่ปุ่นที่ยอมรับว่า XRP นั้นเป็นทรัพย์สินคริปโต ไม่ใช่หลักทรัพย์ตามกการตัดสินของก.ล.ต. สหรัฐฯ
นาย Kayamori ยังได้ให้ความเห็นด้วยว่า “ตามกฎหมายประเทศญี่ปุ่นแล้ว เหรียญคริปโตใด ๆ ที่เปิดให้สามารถซื้อขายได้บนแพลตฟอร์มซื้อขายที่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องแล้ว ล้วนสามารถนำมาใช้งานและซื้อขายได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด”
ในขณะเดียวกันนาย Masujima ผู้ที่ได้ร่วมงานกับ FSA ในการร่างกฎหมายการเงินต่าง ๆ ได้ให้ความเห็นว่า ทางหน่วยงาน FSA เล็งเห็นว่าตลาดคริปโตสามารถทำให้บริการทางการเงินได้อย่างแท้จริง แต่อย่างไรก็ตาม ทาง FSA เชื่อว่าสกุลเงินคริปโตก็ควรอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายเดียวกับหลักทรัพย์
นอกจากนี้ FSA ยังเคยได้มีออกแถลงการณ์กับสำนักข่าว The Block ว่า “ภายใต้ข้อกฎหมายบริการการชำระเงิน (Payment Services Act) แล้ว XRP นั้นจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของ cryptocurrnecy (สกุลเงินคริปโต)” แต่ในขณะเดียวก็ยังไม่ได้มีส่วนใดของกฎหมายที่ระบุว่า XRP นั้นไม่ใช่หลักทรัพย์
ที่มา: Coindesk