อัตราแรงขุด Bitcoin ในเครือข่ายนั้นได้ร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดที่เคยมีตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2019 แล้ว ที่ระดับ 58 ล้าน TH/s โดยผู้ใช้งานทวิตเตอร์รายหนึ่งนามแฝงว่า @caprioleio ได้ออกมาเผยแพร่กราฟดังกล่าว และบอกว่ามันจะทำให้ “คุณต้องฝันร้าย”
สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างราคาของ Bitcoin กับอัตราแฮชของมัน และเราควรคาดหวังว่าราคาของ BTC จะเป็นไปตามอัตราแฮชที่ลดลงหรือไม่
อะไรอยู่เบื้องหลังความผิดพลาดของอัตราแฮชของ Bitcoin?
อัตราแฮชของ Bitcoin ลดลงตามที่คาดไว้จนกระทั่งมีข่าว FUD เกี่ยวกับพลังงานเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ภายหลังจากนั้นก็มีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของอัตราแฮชตามนี้ จนกระทั่งการปราบปรามการขุดในประเทศจีนมาถึง
แผนภูมิด้านบนแสดงให้เห็นถึงการลดลงของอัตราแรงขุดที่สูงอย่างมาก
แม้ว่าการปราบปรามของจีนจะเกิดขึ้นหลายครั้งในอดีต แต่ครั้งนี้ดูแตกต่างออกไปจ เมื่อรัฐบาลมองโกเลียและเสฉวน รวมไปถึงรัฐบาลกลางที่ได้ออกมาห้ามการใช้ไฟฟ้าแก่นักขุด Bitcoin ในประเทศ
นักขุดได้ส่งสัญญาณถึงความสนใจในการจัดตั้งสถานที่ใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วยในสหรัฐอเมริกา, เอลซัลวาดอร์, ปารากวัย, และคาซัคสถาน
Michael Saylor ซีอีโอของ MicroStrategy กล่าวว่าสิ่งนี้อาจกลายเป็น “ความผิดพลาดระดับล้านล้านดอลลาร์” ของจีน
“จีนมีส่วนแบ่งตลาด 50% ของ bitcoin และพวกเขาสร้างรายได้ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีในธุรกิจที่เติบโต 100% ต่อปี เมื่อเทียบเป็นรายปี”
เราควรกังวลเกี่ยวกับอัตราแฮชที่ตกต่ำหรือไม่?
อัตราแฮชหมายถึงกำลังประมวลผลรวมทั้งหมดที่ใช้ในการขุดและประมวลผลธุรกรรมบนบล็อกเชน Proof-of-Work บางคนมองว่าเป็นตัวชี้วัดเพื่อกำหนดความสมบูรณ์ของเครือข่าย
ความสัมพันธ์ระหว่างราคาของสกุลเงินดิจิทัลกับอัตราแฮชนั้นเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนยังคงโต้แย้งกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาที่สูงทำให้การขุดมีกำไรมากขึ้น จึงมีเหตุผลที่ผู้ขุดจำนวนมากขึ้นจะเข้าร่วมเครือข่ายเมื่อราคาสูงขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งอัตราแรงขุดนั้นวิ่งไปตามราคานั่นเอง
ที่จริงแล้ว ด้วย Bitcoin ที่ร่วงลงจากระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 65,000 ดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนเมษายนนั้นดูเหมือนว่าจะวิ่งไปตามอัตราแรงขุดด้วย
แต่คนอื่นๆ รวมถึง Max Keiser คิดว่าราคานั้นตามหลังอัตราแรงขุด โดยนาย Keiser มองว่าอัตราแรงขุดนั้นเป็นตัววัดการยอมรับและการตระหนักถึงรอยร้าวในระบบการเงินแบบเดิม
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอที่จะบ่งบอกว่าแบบไหนถูกต้องกันแน่
เมื่อเทียบกับอัตราแฮชตามทฤษฎีราคา การเพิ่มขึ้น 11% ของ Bitcoin ตั้งแต่เมื่อวานนี้ไม่มีผลกระทบต่ออัตราแรงขุดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และเช่นกัน อัตราแรงขุดจะได้รับผลกระทบหลังจากที่นักขุดชาวจีนได้ย้ายถิ่นถานการขุดออกไปนอกประเทศแล้วหรือไม่
ในทำนองเดียวกัน ราคาตามทฤษฎีอัตราแรงขุดนั้นค่อนข้างน่าสนใจเช่นกัน โดยหากลองดูเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2020 ซึ่งเป็นเวลาสองสัปดาห์ที่อัตราแรงขุดของ Bitcoin ลดลงจาก 146 ล้าน TH/s เป็น 107 ล้าน TH/s ซึ่งลดลง 27% ในขณะเดียวกัน ราคา BTC กลับไม่ได้มีการร่วงลงที่รุนแรงเท่ากัน แต่หลังจากนั้นในอีก 3 เดือนถัดไปราคาก็ได้วิ่งทะลุจุดสูงสุดเก่าที่ $20,000