Visa ได้เปิดเผยข้อมูลการใช้จ่ายของผู้ใช้งาน ที่แสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เชื่อมโยงกับคริปโตเคอร์เรนซีกำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้มีการใช้จ่ายมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงหกเดือนแรกของปี
ในสัปดาห์นี้ Visa ยังได้เปิดเผยแผนที่จะร่วมมือกับแพลตฟอร์มคริปโตเคอร์เรนซีจำนวน 50 ราย รวมถึง Coinbase, Block, Crypto.com และอีกมากมาย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงการแลกเปลี่ยน และการใช้จ่ายสกุลเงินดิจิทัลในร้านค้าจำนวนหลายล้านรายทั่วโลกได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ Visa ยังได้รายงานความคืบหน้าของ ‘Roadmap สกุลเงินดิจิทัล’ ที่มีการเผยแพร่เมื่อปีที่แล้วโดยกล่าวถึงจุดยืนหลักสามประการ ประกอบไปด้วย ระบบนิเวศที่กำลังขยายตัวและวิวัฒนาการ, การให้รางวัล, และ Stablecoins
โดย Visa ได้พยายามยกระดับความสัมพันธ์กับบริษัทคริปโตเพื่อขยายการเติบโตในระบบนิเวศ และเพื่อจะช่วยให้ Visa เป็นเครือข่ายทางเลือกให้กับบริษัทคริปโต โดยการให้บริการบัญชีดอกเบี้ย, การกู้ยืม และการฝากเงินโดยตรงเป็นหัวใจสำคัญของความร่วมมือระหว่าง Visa และหุ้นส่วน
อีกทั้งการเป็นหุ้นส่วนยังช่วยเพิ่มหนทางใหม่ ๆ ให้กับการเติบโตของ Visa โดยในส่วนของการให้รางวัล ผู้ใช้งานโปรแกรมของหุ้นส่วนสามารถใช้จ่ายเงิน Fiat เพื่อรับรางวัลเป็นคริปโต เหมือนกับการสะสมแต้มของสายการบินและโรงแรม
โปรแกรมหุ้นส่วนดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการกับบริษัทอย่าง BlockFi และ Circle ซึ่งมีส่วนอย่างมากในการสนับสนุนการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตคริปโตจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ นอกจากนี้โปรแกรมดังกล่าวที่แจกจ่ายคริปโตให้กับผู้ใช้ ยังช่วยเปิดโอกาสการเรียนรู้ให้กับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับคริปโตเคอร์เรนซีใหม่ ๆ อีกด้วย
สุดท้าย Visa ได้แสดงความตื่นเต้นอย่างชัดเจนเกี่ยวกับ Stablecoins ที่เป็นเหมือนเงิน Fiat ดิจิทัล จากการผสานกันระหว่างลักษณะของคริปโตเคอร์เรนซี และความน่าเชื่อถือของมูลค่าที่ตรึงไว้กับเงิน Fiat
อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้คนเชื่อว่าการยอมรับจากบริษัทใหญ่ๆ นั้นเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมคริปโต แต่ผู้สนับสนุนคริปโตบางคนเชื่อว่าบริษัทที่มีการดำเนินการและแนวคิดกับการธนาคารแบบเดิมๆ มาเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อธรรมชาติการกระจายศูนย์ของคริปโตเคอร์เรนซี