ในการให้สัมภาษณ์กับ The New York Times เมื่อเร็ว ๆ นี้ Changpeng Zhao ซีอีโอของ Binance กล่าวว่าเขาไม่ได้มองว่าเว็บกระดานเทรดอื่น ๆ เป็นคู่แข่งเลยแม้แต่น้อย หลังถูกถามว่าทำไมยักษ์ใหญ่ด้านคริปโตเคอร์เรนซีจึงตัดสินใจเป็นนักลงทุนรายแรก ๆ ใน FTX
เขาเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซียังไม่อิ่มตัวเพียงพอ ซึ่งหมายความว่าบริษัทเว็บเทรดคู่แข่งต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างตลาดร่วมกัน:
“ผมไม่เคยมองใครเป็นคู่แข่ง ถ้าผมมีความคิดแบบนั้น ทุกคนก็เป็นศัตรูกับผม แม้กระทั่งธุรกิจที่แตกต่างกันมาก แต่ผมมีจิตใจที่อุดมสมบูรณ์ ผมคิดว่าทรัพยากรหรือสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ไม่ได้มีจำกัดหรอก”
ก่อนหน้านี้ทาง Binance ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นของเว็บเทรด FTX เมื่อเดือนธันวาคม 2019 ย้อนกลับไปในตอนนั้นแพลทฟอร์มเทรดดังกล่าวยังเพิ่งจะเกิดใหม่ และมีมูลค่าไม่มากนัก หากแต่ในตอนนี้มูลค่าของมันได้กระโดดไปเป็น 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว และมันได้รับความนิยมอย่างมาก
FTX สามารถระดมทุนได้ถึง 900 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนครั้งล่าสุด โดยได้รับเงินลงทุนจากบริษัทขนาดใหญ่อาทิเช่น Sequoia Capital, ครอบครัว Paul Tudor Jones และ SoftBank แต่กระนั้น ในรอบลงทุนล่าสุดกลับไม่มี Binance ซึ่งทำให้หลาย ๆ คนต้องสงสัยไปตาม ๆ กัน
Zhao บอกกับ Forbes ว่าการถอนตัวจากข้อตกลงด้านการลงทุนใน FTX เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงจรการลงทุนของบริษัท แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นเบื้องหลัง
บางคนสงสัยว่าการพิจารณาด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับ Binance อาจส่งผลต่อการตัดสินใจ
เลเวอเรจสูงและความเสี่ยงสูง
ทั้ง Binance และ FTX ได้เปิดสาขาในสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับรัฐบาลสหรัฐฯ หากไม่ทำดังกล่าว
Sam Bankman-Fried CEO ของ FTX อ้างว่าการเปิดเว็บกระดานเทรดในอเมริกานั้น “น่าตื่นเต้นน้อยกว่ามาก” เนื่องจากมีปริมาณและรายได้ที่ค่อนข้างต่ำ
เว็บดังกล่าวให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อขายอนุพันธ์ด้วยเลเวอเรจสูงถึง 101x แม้มันจะได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก แต่ผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงดังกล่าวยังดึงดูดหน่วยงานกำกับดูแลให้เข้ามาด้วยเช่นกัน
Bankman-Fried อ้างว่าหากพวกเขานำเอาระบบ leverage ออกไปนั้น จะส่งผลทำให้ลูกค้าจำนวนมากออกมาแสดงความไม่พอใจ ดังนั้นการเก็บมันไว้ถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำ
สำหรับนาย Zhao นั้นเขาชื่อว่านักเทรด Futures มืออาชีพสามารถที่จะบริหารความเสี่ยงได้