เป็นอีกครั้งหนี่งที่สกุลเงินดิจิทัลเบอร์หนึ่งและเบอร์สองของโลกอย่าง Bitcoin และ Ethereum ได้ปรับฐานราคาอย่างรุนแรงในช่วงค่ำของเมื่อวานนี้ โดยราคาของ Bitcoin ได้ร่วงลงจากระดับ 50,000 ดอลลาร์แตะระดับต่ำสุด $42,000 ช่วงหนึ่งก่อนที่จะมีการดีดตัวกลับขึ้นมาในเช้าวันนี้ที่บริเวณ $47,000 ในวันนี้ ขณะที่ราคา Ethereum ได้ร่วงลงจาก 3,700 ดอลลาร์ แตะ 3,000 ดอลลาร์ สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนถึงกับต้องขนลุกไปตาม ๆ กัน
ภายหลังจากเหตุการณ์นองเลือดครั้งใหญ่ของตลาดคริปโตเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะมี 2 สาเหตุที่สำคัญที่อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ในครั้งนี้จนทำให้ราคา Bitcoin และ Ethereum ร่วงลงอย่างรุนแรงและนักเทรดต่างหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่น
ข่าวดีให้ขาย ข่าวร้ายให้ซื้อ
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Nayib Bukele แห่งเอลซัลวาดอร์ ได้ประกาศว่าพวกเขาจะยื่นเสนอร่างกฎหมายเพื่อทำให้ Bitcoin กลายเป็นสกุลเงินหลักของประจำชาติ ซึ่งการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวนี้ได้มีผลบังคับใช้ไปในช่วงเมื่อวาน
ดังนั้นเมื่อถึงเวลาประกาศจริง ราคา Bitcoin และ Ethereum ที่ร่วงลดลง จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร เนื่องจากนักเทรดจำนวนมากมักจะใช้กลยุทธ์ “ข่าวดีให้ขาย ข่าวร้ายให้ซื้อ” นั่นเอง
ประเทศรัสเซียประกาศว่าไม่พร้อมใช้ Bitcoin เป็นตัวกลางในการชำระเงิน
อีกสาเหตุหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการร่วงลดลงของราคา Bitcoin และ Ethereum นั้นอาจมาจากการที่ประเทศมหาอำนาจอย่าง รัสเซียได้ออกมาประกาศว่าพวกเขายังไม่พร้อมที่จะใช้ Bitcoin เป็นตัวกลางในการชำระเงินของประเทศ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเอลซัลวาดอร์
นาย Dmitry Peskov ตัวแทนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin อ้างว่ารัสเซียไม่มีเหตุผลที่จะยอมรับ Bitcoin เป็นเงินที่ถูกกฎหมาย อ้างอิงจากสำนักข่าวท้องถิ่น RIA Novosti ที่รายงานในช่วงเมื่อวาน
โดยเขากล่าวว่าการวาง cryptocurrency เช่น Bitcoin ให้อยู่ในตำแหน่งที่สอดคล้องกับเครื่องมือเงินแบบดั้งเดิมจะส่งผลทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ