Gary Gensler ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) จะได้รับเงินจาก Goldman Sachs จากการเป็นประธานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (CFTC) ในปี 2552 โดยเขาได้รับเงินกว่า 6,700 ดอลลาร์ต่อปีและคาดว่าจะได้รับ 977 ดอลลาร์ต่อเดือนหรือ 11,724 ต่อปีเมื่อเขาอายุ 71 ปี
ทั้งนี้ Gensler ยังได้รับเงินอีก 1,000 ดอลลาร์จากธนาคารโลกเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาจะไม่มีกิจกรรมสาธารณะระบุไว้ใน World Bank หรือไม่ปรากฎชื่อในฐานะวิทยากรก็ตาม
อย่างไรก็ตามเขายังได้รับค่าลิขสิทธิ์จากหลักสูตรด้านบล็อกเชนและบิทคอยน์มูลค่า 2,600 ดอลลาร์แม้ว่า Gensler จะไม่เคยซื้อบิทคอยน์หรือคริปโทเคอร์เรนซี่เลยก็ตาม โดยเขามีเงินลงทุนระหว่าง 50 ล้านถึง 100 ล้านดอลลร์ซึ่งทั้งหมดอยู่ในหุ้น
ทั้งนี้เขาเองสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าของเงินเพียงเท่านั้น และเน้นย้ำว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใน crypto เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงไม่สนใจว่ามันจะพังหรือไม่ โดยเขาเปรียบ crypto เป็นเหมือนแฟชั่นซะมากกว่า
Gensler ยังเป็นสมาชิกของกลุ่มที่ปรึกษาด้าน Fintech ที่ Federal Reserve Bank of New York จนกระทั่งเขาดำรงตำแหน่งประธาน SEC โดยก่อนหน้านี้เขาระบุว่า Stablecoin อาจเป็นการแข่งขันกับธนาคารกลาง โดยตอนนี้เขาบอกว่าพวกมันเป็นเหมือน ”ชิปโป๊กเกอร์” เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลพยายามที่จะสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะที่ประธาน CFTC เขาถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจจนเกินไป ซึ่งตอนนี้ในฐานะประธาน ก.ล.ต. เขาถูกกล่าวหาเช่นเดียวกันในการพิจารณาการให้กู้ยืมและการยืมเหรียญ stablecoin ว่าเป็นพันธบัตร
นอกจากนี้ Goldman Sachs ยังอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงพยายามเปลี่ยนหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ให้เป็นหน่วยงานกำกับดูแลคริปโตอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ Gary Gensler ได้ให้คำตอบทั่วไปที่โดยทั่วไปไว้ว่า หากพูดถึงปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่าอะไรคือสิ่งที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำลังดำเนินการเพื่อปกป้องนักลงทุนในสหรัฐฯ มันคือสิ่งที่ได้เรียนรู้มาเมื่อปี 2551
หากมองย้อนกลับไปหา ก.ล.ต. ในปี 2551 ซึ่งได้มีการอนุญาตให้จัดการตลาดสินทรัพย์ผ่านหน่วยงานจัดอันดับเครดิตที่ให้ AAAs แก่สินทรัพย์ที่ไร้ค่า
โดยในตอนนี้ ก.ล.ต. กำลังดำเนินการตาม Robinhood และหลังจากการลงทุนซึ่งแปลว่า ก.ล.ต. กำลังดำเนินการหลังจากนักลงทุนรายย่อยเพื่อจัดการตลาดให้มีผลกำไรที่ดีมากกว่า หลังจากกองทุนป้องกันความเสี่ยงมีส่วนร่วมในการทำให้ความเชื่อที่เป็นกลางของพวกเขากำลังจะพัง โดยกองทุนป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้เล่นกับเงินของนักลงทุน ดังนั้นคุณจึงคาดหวังว่าสำนักงาน ก.ล.ต. จะให้ความคุ้มครองแก่นักลงทุนเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์อื่นที่บริษัทมหาชนจำกัดเกือบจะล้มละลายเกินควร
อย่างไรก็ตามมีคำถามใหญ่มากในที่นี้คือการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพในยุคสมัยใหม่นี้ควรจำกัดเฉพาะเศรษฐีเงินล้านอย่าง Gensler เท่านั้นหรือไม่ หรือประชาชนสามารถมีส่วนร่วมและเป็นผู้ประกอบการด้วยการให้ทุนแก่บริษัทสตาร์ทอัพในปัจจุบัน
ดังนั้นเราจึงต้องพิจารณาว่าการเผยแพร่ข้อมูลทางการเงินของเขานั้นเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะชนหรือไม่