เมื่อวานนี้ราคาบิทคอยน์ไต่ขึ้นมายืนที่ 2,965 ดอลลาร์บนดัชนี BraveNewCoin (BNC) โดยหลังจากที่เวฟ corrective ของราคานั้นทำให้ราคาไต่กลับลงไปที่ 2,823 ดอลลาร์เพื่อปรับฐานนั้น จรวดบิทคอยน์ก็ดูเหมือนว่าจะเตรียมพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง นอกจากนั้นราคาของ Ethereum เองก็ได้รับอานิสงค์ของขาขึ้นของบิทคอยน์นี้ไปด้วย โดยราคานั้นได้ไต่ไปทำจุด ATH ที่ 250 ดอลลาร์ไม่นานหลังจากที่ผู้คิดค้นเหรียญ ETH นามว่า Vitalik Buterin ได้เข้าพบปะพูดคุยกับประธานาธิบดีแห่งรัสเซียวลาดิเมียร์ ปูติน อย่างไรก็ตาม คำถามที่เราจะมาหาคำตอบในวันนี้คือ อะไรคือสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้ราคาของบิทคอยน์นั้นกำลังพุ่งทะยานสู่ระดับ 3000 ดอลลาร์
บิทคอยน์นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นที่ต้องการมากในประเทศแถบทวีปเอเชีย โดยพวกเขาเหล่านี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นกลุ่มประเทศที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคามาแล้วตั้งแต่ในอดีต อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นนั้นออกมาประกาศว่าจะขึ้นทะเบียนบิทคอยน์รวมถึงเหรียญ digital อื่นทำให้ถูกกฎหมายเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้อัตราการลงทุนในตัวของบิทคอยน์ในประเทศเพิ่มขึ้นสูงอย่างมาก ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนนั้นได้รายงานข่าวไปแล้วว่าอัตราความสนใจใน digital currency ในประเทศเกาหลีนั้นก็สูงขึ้นเช่นกัน โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าประเทศเกาหลีก็กำลังเริ่มเอาประเทศญี่ปุ่นเป็นแบบอย่างในเรื่องของการทำให้ digital currency เหล่านี้ถูกกฎหมาย ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ซึ่งหากเสร็จสิ้นนั้น อาจส่งผลให้ราคาของบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้นไปอีก
นักเทรดบิทคอยน์ทุกคนรู้ดีว่าประเทศจีนนั้นถือเป็นแหล่งตลาดแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ทว่าเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น เว็บเทรด “บิ๊ก 3” ได้ประกาศหยุดให้เทรดบนมาร์จินเนื่องจากการเข้าตรวจสอบของรัฐบาลจีน อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น หลังจากที่ทางเว็บสามเว็บต้องถูกบังคับให้ยกเลิกการถอนเงินเพื่อปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับการฟอกเงินนั้น ทางเว็บเทรดทั้งสามก็ได้กลับมาเปิดให้บริการถอนเงินอีกครั้ง โดยนี่ก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ราคาบิทคอยน์นั้นเปลี่ยนมาเป็นเทรนด์ขาขึ้นพุ่งขึ้นไปสู่ 3,000 ดอลลาร์ก็เป็นได้
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ธรรมดาที่จะแบ่งปันเทคนิคและความรู้ในการลงทุนในทวีปเอเชียนั้น ทวีปเอเชียถือเป็นผู้สนับสนุน cryptocurrency หลักที่มีวัฒนธรรมทางด้านการลงทุนที่มีลักษณะที่เรียกได้ว่า “แห่กันไปลงทุน” โดยเว็บ CoinMarketCap นั้นได้แสดงให้เห็นว่าประเทศญี่ปุ่น, จีน และเกาหลีนั้นถือเป็นแหล่งของเหรียญ cryptocurrency ที่มี traffic เข้าออกสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก (ตอนนี้ OkCoin อยู่อันดับ 7 และ BTCC อยู่อันดับ 8)
อ้างอิงจากสำนักข่าว CNBC สาเหตุหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังของการขึ้นของราคาบิทคอยน์นั้นคือการประกาศของประธานแห่ง Federal Reserve นามว่า Neel Kashkari เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเขากล่าวว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้น “มีศักยภาพมากกว่าบิทคอยน์เสียอีก” สำนักข่าวบลูมเบิร์กยังรายงานข่าวเดียวกัน อีกทั้งยังอธิบายถึงปัญหาความไม่แน่นอนทางด้านการเมือง และความสนใจใน cryptocurrency ในทวีปเอเชีย ดูเหมือนว่าการยอมรับอย่างท่วมท้นในตัวของเทคโนโลยีบล็อกเชนจะเป็นปัจจัยหลักใหญ่ๆที่ส่งผลให้ราคาบิทคอยน์พุ่งอย่างรุนแรง
สำนักข่าว CNBC ยังรายงานเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมาถึงการประกาศของกาศของนาย Neel Kashki ที่ส่งผลให้บิทคอยน์กลายเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางสำนักข่าว Cryptocoins News ได้รายงานข่าวที่ขัดแย้งกับของ CNBC ว่ามันยังมีเหตุผลอื่นๆอีกมากมายที่สำคัญกว่าการประกาศของนาย Neel ดังนั้นมันจึงเป็นการยากที่คำพูดของเขาจะมีผลต่อราคาบิทคอยน์มากขนาดนี้ โดยนาย Neel นั้นได้กล่าวว่า
“ผมคิดว่าตลาดนั้นมีความอ่อนไหวจนได้เปลี่ยนกระแสไปแล้ว ผมอยากจะบอกว่า ผมคิดว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนและรวมไปถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอื่นๆนั้นมีความน่าสนใจกว่า และน่าจะมีศักยภาพมากกว่าบิทคอยน์เสียอีก”