ในการให้สัมภาษณ์ในงาน Fintech เมื่อวานนี้ จัดขึ้นโดยกลุ่มมติชน ซึ่งนายวิรไท สันติประภพหรือผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยนั้นได้ออกมากล่าวถึงกฏหมายในประเทศไทยในปัจจุบันที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของตลาด Fintech และนวัตกรรมทางด้านการเงินในประเทศ
โดยเขานั้นได้กล่าวว่ากฎหมายว่าด้วยเรื่องธุรกิจการค้าในประเทศไทยนั้นยังล้าหลังอยู่มาก โดยเฉพาะเมื่อมีการเซ็นหนังสือหรือสัญญาต่างๆเกี่ยวกับการเงินนั้น ทุกอย่างจะถูกทำด้วยกระดาษและปากกา อีกทั้งยังต้องมีขั้นตอนในการอนุมัติที่ยาวนาน โดยเขาได้แนะนำให้ใช้ระบบอิเลคทรอนิคส์เข้าช่วยในส่วนนี้เพื่อให้ระบบกลไกขั้นตอนเป็นไปด้วยความเร็วขึ้น สะดวกขึ้น อีกทั้งยังสามารถลดค่าใช้จ่ายต้นทุนได้อีกเยอะด้วย
นายวิรไท ยังให้คำแนะนำโดยการเอาประเทศเกาหลีเป็นต้นแบบ ที่ในปัจจุบันนั้นเริ่มมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจครั้งใหญ่ให้สอดคล้องกับยุคดิจิตอลที่กำลังเปลี่ยนโลกเราอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
บิทคอยน์ในไทย
อย่างไรก็ตาม นายวิรไท นั้นก็ได้รับรู้ถึงกระแส Bitcoin ในประเทศไทยที่มีผู้คนหลายๆคน และร้านค้าอีกมากมายที่รับ Bitcoin เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการจ่ายเงิน เขากล่าวว่าความผันผวนในราคาที่สูงของเจ้าเหรียญตัวนี้อาจทำให้ผู้คนที่ถือมันตกอยู่ในความเสี่ยง
“คนที่จะใช้สกุลเงินนี้ต้องรู้ว่ามีความเสี่ยงอะไรที่จะเกิดขึ้นบ้าง”
กล่าวโดยนายวิรไท
ปัจจุบันมีหลายๆประเทศที่อ้าแขนรับ Bitcoin โดยหนึ่งในประเทศเหล่านั้นที่ดูเหมือนจะจริงจังกับ Bitcoin มากที่สุดก็คือประเทศญี่ปุ่นที่เป็นที่วิเคราะห์กันว่าอาจมีร้านค้าอีก 3 แสนกว่าแห่งที่จะเปิดรับบิทคอยน์ภายในสิ้นปีนี้ อีกทั้งยังมีสายการบินสัญชาติญี่ปุ่น Peach Airlines ที่เตรียมเปิดให้บริการซื้อตั๋วได้ด้วย Bitcoin และยังมีแผนการติดตั้งตู้ ATM Bitcoin ในสนามบินทั่วประเทศอีกด้วย
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์หรือรัฐมนติว่าการกระทรวงการคลังแห่งประเทศไทยยังได้ออกมากล่าวว่าทางรัฐบาลนั้นจะเฝ้าดูและคอยศึกษา Bitcoin อย่างระวังถึงข้อดีและข้อเสียของมัน รวมถึงเหรียญสกุลเงินดิจิตอลตัวอื่นๆ และจะตัดสินใจอีกทีหนึ่งว่าจะทำให้มันถูกกฎหมายหรือไม่
“เป็นสกุลเงินใหม่ที่ยังถกเถียงกันว่าเหมาะสมหรือไม่”
กล่าวโดยนายอภิศักดิ์
ปัจจุบันสถานะของ Bitcoin ในประเทศไทยนั้นอาจกล่าวได้ว่ายังคงคลุมเครือ และยังไม่แน่นอน กล่าวง่ายๆคือมันยังไม่มีกฎหมายที่แน่ชัดมารองรับ แต่ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายแต่อย่างใด หากแต่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยนั้นได้กล่าวว่าผู้ใช้สามารถใช้งานได้แต่ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงกันเอาเอง
ปัจจุบันมีบริษัทจากต่างประเทศที่เข้ามาเปิดให้บริการแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ โดยหลักๆมีอยู่สองผู้ให้บริการรายใหญ่อย่าง coins.co.th และ Bitcoin Thailand โดยสองบริษัทนี้จดทะเบียนบริษัทอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
อ่านเพิ่มเติม Bitcoin คืออะไรได้ที่นี่
ภาพจาก thainews.prd.go.th
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น