<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ทำไมมูลค่าของ Bitcoin, Ethereum, Ripple และเหรียญอื่นๆถึงร่วงอย่างหนัก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

มื่อวันที่ 15 มิถุนายน ตลาดเหรียญ cryptocurrency ได้เกิดอาการ ‘panic sell’ หรือแย่งกันขายจนส่งผลให้ราคาร่วงกันอย่างหนัก จนเป็นสีแดงเกือบทั้งกระดาน โดยอาจกล่าวได้ว่าเป็นเวฟ correction ที่รุนแรงอย่างมาก โดยมีทั้งเหรียญที่คุนเคยกันดีอย่าง Bitcoin, Ethereum Classic และ NEM ที่ราคาตกอย่างรุนแรง

โดยจะว่าไปแล้ว ตลาดเหรียญคริปโตทั้งหทดนั้นได้สูญเสียมูลค่าตลาดรวมไปประมาณ 16 พันล้านดอลลาร์จนเหลืออยู่เพียงแค่ 95 พันล้านดอลลาร์ ภายหลังจากที่ทำลายสถิติใหม่ 100 พันล้านดอลลาร์ไปได้เมื่อไม่นานมานี้

เหรียญ cryptocurrency หลายๆเหรียญ จริงๆแล้ว มีตลาดกระทิงที่สวยงามมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะ Bitcoin ที่เริ่มจะมีสื่อหลายๆสื่อออกมาทำข่าวไม่ว่าจะเป็น Wall Street Journal และ CNBC รวมถึงหนังสือพิมพ์ในประเทศไทยอ่างกรุงเทพฯธุรกิจก็เช่นกันที่มีการพาดหัวข่าวเกี่ยวกับธนาคารแห่งประเทศไทยและ Bitcoin

ประมาณเมื่อ 4 วันที่แล้วราคา Bitcoin ได้แตะจุดสูงสุดที่ 3,018 ดอลลาร์

แต่อย่างไรก็ตาม หากเราลองมองย้อนกลับไปในปี 2009 เราจะได้เห็นว่า Bitcoin นั้นมักจะมีเวฟ correction แบบเล็กน้อยหลังจากการทำจุด ATH เสมอ แต่กระนั้น การขึ้นราคาของครั้งล่าสุดนั้นสูงกว่าเมื่อครั้งที่แล้วมันจึงตกแรงกว่าเนื่องจากราคาและโวลลุ่มที่มีมากกว่า ให้เราลองสังเกตรอบของราคาตอนที่มันตกจาก 2,700 ดอลลาร์มาสู่ 1,900 ดอลลาร์ ภายในแค่หนึ่งคืนท่ามกล่างเวฟ correction แต่หลังจากนั้นราคามันก็ได้ดีดตัวกลับขึ้นมา และสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 3,000 ดอลลาร์อีกครั้ง

นาย Andreas Antonopoulos ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความปลอดภัยด้าน Bitcoin ได้ออกมาทวีตว่าการวิเคราะห์ตัวแปรของการพุ่งขึ้นของราคาเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าจะมานั่งวิเคราะห์ว่าทำไมราคาถึงร่วง

แปล: พวกคุณคงงงกันสินะว่า “ทำไมราคาแม่งร่วงไวจังวะ!” ทีงี้ทำไมถึงไม่ถามกันบ้างล่ะว่า “ทำไมราคามันถึงขึ้นไวจังวะ!” หืิอ? นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไม

เขายังได้เน้นย้ำถึงตลาดเหรียญคริปโตโดยเฉพาะ Bitcoin ที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในจุดที่คงตัวแล้วซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีสำหรับผู้ใช้งาน, นักเก็งกำไร และนักซื้อขายในระยะยาว Bitcoin และ Ethereum นั้นเป็นเหรียญสองเหรียญท่ามกลางเหรียญอื่นๆที่มีอัตราการเติบโตที่ไม่ธรรมดา โดยการบูมของการลงทุนแบบ ICO รวมถึงการออกมาปรระโคมข่าวของสื่อกระแสหลักนั้นจึงส่งผลทำให้ฟองสบู่ของตลาดเหรียญ cryptocurrency แตกออก และนั่นจึงทำให้เกิดเวฟ correction ขึ้น

“เรากำลังกลับไปสู่จุดที่ราคามีความคงตัวสำหรับเหรียญคริปโตทุกตัว และเรากำลังอยู่ในระหว่างที่ราคากำลังจะกลับไปสู่เส้นขาขึ้นแบบระยะยาว” กล่าวโดยนาย Andreas

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น เว็บ Coin Telegraph ได้ออกมาวิเคราะห์ราคา Bitcoin ถึงการตกของราคาโดยการเจอกับเวฟ correction ที่ทำให้ราคาตกจาก 2,700 ดอลลาร์มาสู่ 1,926 ดอลลาร์ และหลังจากนั้นราคาก็ดีดตัวกลับขึ้นไปที่ 2700 ดอลลาร์ และ 3,000

แปล: รูปแบบกราฟนี้จะเกิดขึ้นวนไปเรื่อยๆจนราคา Bitcoin พุ่งไปถึง 100,000 ดอลลาร์

วงจรราคาของ Bitcoin นั้นเป็นสิ่งที่นักลงทุนหลายๆคนมองข้ามและไม่สนใจ หากลองมองย้อนกลับไปในอดีตแล้ว ราคาของมันนั้นมักจะดีดตัวกลับขึ้นมาทำจุดสูงสุดเสมอ

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น