Krypto Bro คือนักวิเคราะห์ ICO ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งใน community ผู้ใช้งาน ICO บทความนี้คือหนึ่งในฝีมือการวิเคราะห์ของเขาในเรื่องของ Kyber Network ที่หลายๆคนกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้
Kyber Network หรือหนึ่งใน ico ที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงสุดในเดือนกันยายน เครือข่าย Kyber สามารถสร้างการทำธุรกรรมแบบ Decentralized โดยสามารถทำธุรกรรม blockchain ได้ทันทีโดยมีการรับประกันสภาพคล่องด้วย (นั่นก็คือไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครแย่งคำสั่งซื้อของคุณนั่นเอง) ซึ่งตัว Kyber ยังเป็น Project สุดท้ายที่ Vitalik หรือผู้คิดค้น Ethereum ตกลงที่จะเป็นที่ปรึกษา โครงการนี้อยู่ในกลุ่ม Slack ที่ใหญ่ที่สุดในโลกราว 30,000 คนขึ้นไป
ตั้งแต่ KNC สามารถใช้ส่งหากันได้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน ราคานั้นก็ได้สูงขึ้นเป็นอย่างมากและขณะนี้มีการซื้อขายประมาณ 3X-5X เท่า (0.00167 ETH / 1 KNC) คุณอาจสงสัยว่า KNC มีการทำให้เกิดมูลค่าที่สูงเกินไปหรือเปล่า? หรือมันถูกต้องตามพื้นฐานของมันอยู่แล้ว?
ในบทความนี้เราพยายามที่จะตอบคำถามดังกล่าวโดยการวิเคราะห์และประเมินตลาดสำหรับเหรียญ KNC นอกจากนี้ยังมีข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้คุณตัดสินใจเองเกี่ยวกับราคาของเหรียญ KNC
หมายเหตุ: บทความนี้เป็นแค่ความคิดเห็น และข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้จะมาเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน โปรดหาคำแนะนำในการลงทุนกับนักลงทุนที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น
วิเคราะห์มูลค่า:
ขั้นตอนการประเมินมูลค่าของ KNC ก็คือต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Uilities โดยเราลองมาดูใจความส่วนหนึ่งของ White Paper ของ Kyber กัน
“ก่อนอื่นใด ทาง Kyber Network จะทำการสงวนการซื้อเหรียญ KNC ในช่วง pre-purchase ก่อน ซึ่งในการเทรดทุก ๆ ครั้งนั้น จำนวนเศษ (ตัวเลขจะประกาศอีกครั้ง) ของโวลลุ่มในการเทรดจะถูกจ่ายให้กับแพลทฟอร์มของ Kyber Network ในรูปแบบเหรียญ KNC ค่าธรรมเนียมขนาดเล็กนี้จะถูกนำไปรันให้ระบบ KyberNetwork สามารถทำการใช้งานซื้อขายได้เป็นปกติ ซึ่งเหรียญ KNC ที่ถูกเก็บมาได้ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมหลังจากนำไปจ่ายให้กับการทำงานของระบบและจ่ายให้กับหุ้นส่วนแล้ว จะถูกนำไปเผา หรือในอีกแง่หนึ่งคือนำออกไปจากระบบไหลเวียนนั่นเอง การเผาเหรียญที่เหลือออกไปจะช่วยเพิ่มมูลค่าของเหรียญ KNC ที่เหลืออยู่ในตลาด เนื่องจากจำนวนเหรียญทั้งหมดลดน้อยลง โดยในการที่จะกำหนดค่าธรรมเนียมของเครือข่ายนั้น อัตราแลกเปลี่ยนระหว่าง KNC และ ETH จะถูกอัพเดตบ่อยๆลงบนสัญญาของ Kyber โดยผู้รันโนด KNC ซึ่งจะขึ้นอยู่กับเรตในการซื้อขายบนเว็บเทรดหลายๆที่”
สรุป:
- เหรียญ KNC จะถูกใช้เป็นค่าธรรมเนียมในการจัดการ Platform ของ Kyber
- รายได้จากค่าธรรมเนียมหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะถูกนำมาใช้เพื่อซื้อเหรียญ KNC
การซื้อหุ้นคืน (Share Buyback) อธิบายง่าย ๆ ก็คือ การซื้อหุ้นคืนมีความคล้ายคลึงกับการจ่ายเงินปันผลซึ่งหมายความว่าทั้งสองวิธีนี้เป็นวิธีการกระจายผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้นโทเค็น / ผู้ถือหุ้น ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสีย การซื้อหุ้นคืนหลายข้อมีข้อดีมากกว่าการจ่ายเงินปันผล (dividend payments):
- การดำเนินการที่ง่ายขึ้น: การซื้อ Token ในตลาดเปิดนั้นง่ายกว่าการจ่ายเงินปันผลในแต่ละกระเป๋าเสียอีก ซึ่งอาจทำให้เกิดค่าธรรมเนียมมหาศาล
- ไม่มีมูลค่าที่สูญเปล่า: หาก Private Key ของกระเป๋าเราหายไป พร้อมกับ Token บางส่วนที่ติดอยู่ในนั้น การจ่ายเงินปันผลก็จะสูญหายไปตลอดกาลเช่นกัน
อย่างไรก็ตามการซื้อหุ้นคืนก็มีข้อเสีย เนื่องจากการซื้อคืนเกิดขึ้นตอนตลาดเปิด เมื่อราคาของสินทรัพย์มีมูลค่าสูงผู้ถือหุ้นจะได้ประโยชน์มากกว่าจากการได้รับเงินปันผลและสามารถเลือกที่จะนำเงินนั้นไปลงทุนอื่น ๆ ได้แทน
ส่วนวิธีการดูมูลค่าหุ้นของบริษัทนั้น ก็คือการใช้ Discounted Free Cash Flow (DCF) อย่างไรก็ตาม ผู้ถือเหรียญ KNC ไม่ใช่เจ้าของร่วมของ Kyber พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องในทรัพย์สินของบริษัท แต่จะสามารถเรียกร้องได้แค่ส่วนที่เหลือของค่าธรรมเนียมในการใช้ Platform เท่านั้น
อีกทางหนึ่งก็คือ ให้นึกถึง การทำงานของเหรียญ KNC อยู่ในช่วงคงที่ “Steady-state” ที่ชำระเงินเป็นประจำเช่น พันธบัตร หรือปันผลหุ้นในราคาสูง จากนั้นเราก็สามารถประมาณค่าของ KNC ตามได้ดังนี้
- ปริมาณการใช้จ่าย
- Price Multiple การขึ้นของราคาเหรียญที่นักลงทุนจะได้รับ
จากความรู้ตรงนี้ เราสามารถคิดสูตรเพื่อประเมิณค่าเหรียญ KNC ได้
“ราคาเหรียญ KNC = ราคาที่เพิ่มขึ้น (Price Multiple)*จำนวนปีที่ซื้อกลับ”
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
เรามาดูในแต่ละองค์ประกอบกัน
- Price Multiple: ในการลงทุนในตลาดตราสารทุนให้ใช้หลาย ๆ อย่าง เช่น รายได้จากราคา PE (Price earning multiples) หรือ Price to EBITDA เพื่อใช้ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบ จากนั้นก็นำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้กับ บริษัทเพื่อให้ได้มาซึ่งการประเมินค่าต่าง ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์นี้เราพิจารณาการซื้อหุ้นของ kyber เป็นรูปแบบของเงินปันผลและเราเชื่อว่าในระยะยาว ราคาช่วงต่าง ๆ จนถึง 20 มีความสมเหตุสมผล (เทียบเท่า 1/20 = อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5% ช่วงทั่วไปสำหรับหุ้นขนาดใหญ่ที่มีรายได้ที่มั่นคงและน่าเชื่อถือ) ในระยะเวลาสั้น ๆ ผู้คนอาจจะเต็มใจที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นหลายเท่าและคาดว่าจะมีการเติบโตในอนาคต
- จำนวนการซื้อคืนต่อปี: เพื่อประมาณจำนวนเงินที่ซื้อคืนประจำปี เดี๋ยวเราจะแจกแจงสูตรอีกที“จำนวนการซื้อคืนประจำปี = (ปริมาณการค้าตลาด Crypto * ส่วนแบ่งการตลาด Kyber * ค่าธรรมเนียม *) – ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน”
- ปริมาณการซื้อขายในตลาด Crypto: ในระยะสั้น Kyber จะสนับสนุนเฉพาะเหรียญ Token ที่เป็น ERC20 เท่านั้น ในระยะปานกลางนั้น (2019) พวกเขาจะรองรับการค้าขายข้าม chain โดยในการประมาณขนาดตลาดของ Kyber นั้น เราต้องมองไปที่การเทรดระหว่าง Crypto-Crypto (Kyber ไม่รองรับการเทรดแบบ Crypto-fiat) จากการอิงตามข้อมูลจาก CoinMarketCap มูลค่าการซื้อขายรายวันปัจจุบันระหว่างเหรียญ Crypto-Crypto นั้นประมาณ 850 ล้านเหรียญสหรัฐCross Chain feature จะมาปี 2019 เราก็ประมาณมูลค่าการซื้อขายสำหรับในปีนั้น และกลับไปมองการเติบโตของมูลค่าการซื้อขายในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา:
จะเห็นได้ว่าในปี 2560 มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า จากประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ กลายเป็น 1 พันล้านดอลลาร์ แล้วการเทรดนี้จะสามารถเติบโตขึ้นได้หรือไม่? ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยและจากรัฐบาล ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อตลาดในลักษณะใหญ่ อย่างไรก็ตามการเทรดเหรียญ crypto ยังคงมีน้อยเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ ตัวอย่างเช่นมูลค่าการซื้อขายประจำวันของ NYSE อยู่ในช่วง 200 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ NYSE การซื้อขาย bitcoin คิดเป็นประมาณ 0.5% เท่านั้น
เราเชื่อว่าการซื้อขายจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องและจะอยู่ในระดับ 5-10 เท่าใน สองปีข้างหน้า นั่นหมายความว่ามูลค่าการซื้อขายประจำปีของตลาด Crypto-Crypto จะมีประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2019 เมื่อ Kyber ได้เปิดตัว แพลตฟอร์ม การซื้อขายข้าม Chain แล้ว
4. ส่วนแบ่งการตลาดของ Kyber: จากการดึงข้อมูลจาก MarketCap แสดงถึงส่วนแบ่งทางการตลาดที่ใหญ่ที่สุดของตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดดังนี้
เราเชื่อว่าหากดำเนินการเสร็จแล้ว เหรียญ Kyber อาจอยู่ในลิสท็อป 10 เหรียญคริปโตเลยก็ได้ และมีส่วนแบ่งตลาดได้ประมาณ 5% และเราคิดว่ามันจะกลายเป็น API สำหรับในการชำระเงินสำหรับผู้ถือ Token ทั่วไป ยิ่งมีการสร้าง Token เยอะ ยิ่งจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเงินแทบจะเร็วแบบทันทีซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ขายที่รับเงินสกุลดิจิทัลบางประเภท (เช่น ETH) บริการการชำระเงินนี้สามารถทำให้ Kyber มีปริมาณการซื้อขายอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าการแลกเปลี่ยนแบบธรรมดา
5. ค่าธรรมเนียมของแพลตฟอร์ม Kyber: เราเชื่อว่าในอนาคต ค่าธรรมเนียมอาจลดลงเพราะจะเกิดการแข่งขัน และเกิดการแลกเปลี่ยนแบบ Decentralized ถึงแม้ว่า Kyber จะไม่ได้ระบุจำนวนเงินที่คิดค่าบริการไว้ แต่เราเชื่อว่าช่วง 0.1% น่าจะมีการแข่งขันที่เหมาะสม
6. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: Kyber จะจ่ายค่าดำเนินงานโดยใช้เงินจากค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะอยู่ถูกใช้ไปด้านบุคลากรและช่องทางการตลาด (เช่นลงชื่อร้านค้าบนแพลตฟอร์มเป็นต้น)
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
สรุปจากการคำนวนของเรา:
- ราคาต่าง ๆ: 20
- ปริมาณการค้าประจำปีของ Crypto-Crypto: 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
- ส่วนแบ่งการตลาด: 5%
- ค่าแพลตฟอร์ม Kyber: 0.1%
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: 25% ของรายได้
เมื่อนำสูตรมาคำนวณดู ก็จะเห็นว่าปริมาณของมูลค่าตลาดรวมจะอยู่ที่ประมาณ 1,600 ล้านดอลลาร์
ดังนั้นในขณะที่ราคาเหรียญ KNC สูงขึ้นตั้งแต่มี ICO ก็ยังมีศักยภาพที่จะกลับมาอยู่ในราคาปัจจุบัน (250 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2017) อย่างไรก็ตามก็อาจจะมีความเสี่ยงในอีกหลาย ๆ อย่างเช่นในด้านของ UI/UX หรือประสบการณ์การใช้งานที่ต้องทำออกมาให้ดี, เรตค่าธรรมเนียมที่จะต้องสู้กับเว็บเทรดใหญ่ๆได้, ความสามารถในด้านการแลกเปลี่ยนแบบ cross-chain, ความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขายของตลาดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมาปรากฎให้เห็นชัดให้เรารู้อีกครั้งเมื่อแพลทฟอร์มถูกเปิดตัวในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
หมายเหตุ: การลงทุนในตัวเหรียญคริปโตเคอเรนซีมีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนทำการตัดสินใจลงทุน ทางสยามบล็อกเชนจะไม่รับผิดชอบในความสูญเสียในทุกกรณี
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น