<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

“บริษัท Bitcoin ใหญ่ๆอาจเปลี่ยนไปสนับสนุน Bitcoin Cash หรือ Ethereum” โดยประธาน Xapo

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หนึ่งในผู้ให้บริการกระเป๋า Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดนาม Xapo ได้รองรับการติดตั้ง SegWit แล้ว แม้ว่าการ hard fork ของ SegWit2x จะถูกระงับไปด้วยการตัดสินใจของผู้ให้การสนับสนุนหลักๆอย่าง Blockchain.info, BitGom ShapeShift และนาย Jeff Garzik

แต่กระนั้น นาย Ted Rogers หรือประธานของ Xapo ก็ได้ออกมาเตือนชุมชนของ Bitcoin ว่าบริษัทด้าน Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดบางบริษัทกำลังเปลี่ยนไปให้การสนับสนุนหลักๆสู่สกุลเงินดิจิตอลที่มีความสามารถในการ scaling ได้ดีกว่าอย่าง Bitcoin Cash หรือ Ethereum และนำพาเอาผู้ใช้งานนับล้านและรวมถึงโวลลุ่มไปพร้อมๆกับการตัดสินใจของพวกเขาด้วย

นาย Rogers กล่าวว่า

“ให้ผมเดา พวกบริษัทด้าน Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดกำลังเตรียมเก็บข้าวของเพื่อเปลี่ยนไปหา Bitcoin Cash หรือ Ethereum และจะนำพาผู้คนนับล้านพร้อมๆกับธุรกรรมเหล่านั้นไปกับพวกเขาด้วย ส่วนทางเราจะยังคงให้การสนับสนุน Bitcoin แต่จะไม่โฟกัสไปที่อนาคตของมัน ทาง Xapo จะยังคงให้การสนับสนุน Bitcoin เท่านั้น และจะติดตั้ง SegWit แต่เราจะไม่ไปเสียเวลาบังคับหรือกดดันคนอื่นๆ”

โอกาสที่บริษัทจะเปลี่ยนไปให้การสนับสนุน Bitcoin Cash และ Ethereum

ท่าทีของบริษัทด้าน Bitcoin ใหญ่ๆอย่าง Xapo, Blockchain.info และ Coinbase ที่มีต่อ SegWit ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ซึ่งโซลูชันบนเลเยอร์ที่สองอย่าง Lightning นั้นเป็นถูกมองว่าไม่เหมาะสมที่จะนำมาปรับใช้งานกับบริษัทต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญ บริษัทผู้ให้การสนับสนุน SegWit2x ก็ได้ออกมากำชับว่าผู้ใช้งานทั่วไปไม่ควรที่จะมาแบกรับค่าธรรมเนียมที่แพงขนาดนี้

ในอีกไม่กี่เดือนที่จะถึง ถ้าหากว่าค่าธรรมเนียมธุรกรรมของ Bitcoin ยังคงสูงกว่าปกติแม้ว่าจะมี SegWit แล้วก็ตาม นาย Rogers เน้นย้ำว่าบริษัทและกิจการต่างๆอาจจะย้ายไป Bitcoin Cash และ Ethereum เนื่องจากค่าธรรมเนียมบน Blockchain ที่ถูกกว่า และสามารถรองรับธุรกรรมเป็นจำนวนมากได้ ณ ตอนนี้บล็อกเชนของ Ethereum ทำการประมวลผลธุรกรรมรายวันเป็นสองเท่าของโวลลุ่มของ Bitcoin ที่ประมาณ 550,000 ธุรกรรมต่อวัน

นาย Wences Casares หรือ CEO ของ Xapo กล่าวเพิ่มว่า แม้ว่าค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่สูงจะทำให้บริษัทมีกำไรที่มาก แต่ทางบริษัทยังหวังที่จะได้เห็นการ scaling ของเครือข่ายเพื่อประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน

“ยิ่งค่าธรรมเนียมธุรกรรม on-chain สูงเท่าไร ทาง Xapo ก็ยิ่งมีเหรียญมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งมีธุรกรรมที่เกิดขึ้นผ่านเราเท่าไร ทาง Xapo ก็จะได้กำไรมากเท่านั้น เดือนตุลาคมถือเป็นเดือนที่เราได้กำไรมากที่สุด ด้วยค่าธรรมเนียมเหล่านั้น เดือนพฤศจิกายนจะได้มากยิ่งกว่านี้อีก เราต้องการให้มีการ scaling บางส่วน (แต่ไม่ใช่ทั้งหมด) แม้ว่ามันจะแย่สำหรับทาง Xapo แต่ว่ามันจะดีสำหรับคนอื่นๆ มิฉะนั้น Bitcoin จะกลายเป็นเครื่องมือสำหรับกลุ่มคน 1% ที่มีเครื่องมือเหล่านั้นแทบจะเยอะแล้ว” กล่าวโดยนาย Casares

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น