<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ไม่เห็นด้วยกับแบงค์ชาติหลังเรียกร้องให้ธนาคารหยุดทำธุรกรรม Cryptocurrency

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อดีตนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูเหมือนว่าจะไม่เห็นด้วยกับท่าทีของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ก่อนหน้านี้ต้องทำให้หลาย ๆ คนในวงการคริปโตต้องตกใจ หลังจากออกมาประกาศเรียกร้องให้สถาบันการเงินในไทยหยุดทำธุรกรรมเกี่ยวกับ Bitcoin และ cryptocurrency เมื่อไม่นานมานี้ โดยนายอภิสิทธิ์ถึงกับย้ำว่าการกระทำดังกล่าวนั้น “เกินเลย” และ “ไม่เกิดประโยชน์” อีกด้วย

ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เขาได้ให้สัมภาษณ์ในรายการต้องถาม หลังจากที่เขาถูกถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยนายอภิสิทธิ์ชี้ให้เห็นว่าควรจะแยกออกเป็นสองเรื่อง อย่างแรกคือวิธีการชำระเงินที่ไม่ต้องใช้กระดาษเช่น การโอนเงินหรือแสกนจากมือถือ แต่ก็ยังถูกอ้างอิงจากสกุลเงินบาทที่ยังใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ส่วนเรื่องที่สองคือ cryptocurrency อย่าง Bitcoin หรือเหรียญอื่น ๆ นั้นหากนำมาตีความว่าเป็นสกุลเงินดิจิตอลนั้นไม่ค่อยเหมาะเท่าไร เนื่องจากเทคโนโลยีที่หนุนหลังมันอยู่อย่าง Blockchain นั้นทำให้มันแตกต่าง นอกจากนี้ยังได้ถูก “ปฏิบัติแล้วจำนวนมหาศาลในโลก” ที่สำคัญ เขายังเผยว่าระบบดังกล่าวส่งผลทำให้เหรียญคริปโตมีค่าขึ้นมา “โดยที่ไม่ต้องอิงกับสินทรัพย์อะไรทั้งสิ้น” อีกด้วย

ด้วยความเป็น decentralised ของระบบดังกล่าว จึงทำให้มันถือเป็นเรื่องใหม่ และหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่เข้าใจ อีกทั้งยังทำให้หน่วยงานรัฐในหลาย ๆ ประเทศเกิดความไม่มั่นใจว่าจะควบคุมมันได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวต่อว่า Bitcoin หรือ cryptocurrency บางตัวนั้นมีลักษณะเป็นเงินตราอยู่แล้ว “ในแง่ที่ว่าปัจจุบันเว็บไซต์บางแห่งก็รับชำระเป็นบิทคอยน์หรือคริปโตเคอเรนซี่ได้” เนื่องจากการที่ผู้ซื้อขายบางคนให้การยอมรับและให้ค่ากับมัน

แม้ว่าความเห็นของเขาจะค่อนข้างเป็นบวกเกี่ยวกับ cryptocurrency แทบจะตลอดในการให้สัมภาษณ์นั้น แต่นายอภิสิทธิ์ก็ยังคงเห็นด้วยเกี่ยวกับในเรื่องของการปกป้องผู้บริโภคที่ในปัจจุบันยังมีค่อนข้างน้อย เนื่องจากว่าปัจจุบันมีการนำเอาเรื่องราวของ cryptocurrency ไปกุเรื่องทำเป็นแชร์ลูกโซ่ และหลอกนักลงทุนที่ไม่มีความรู้ในด้านดังกล่าวโดยอาศัยความดังของ Bitcoin มาทำให้ไขว้เขว โดยเขากล่าวว่าตรงจุด ๆ นี้เป็นเรื่องสมควรที่แบงค์ชาติควรจะเข้าไปปราบปรามจัดการ

ที่น่าสนใจคือ เขาไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการห้ามไม่ให้ระบบธนาคารในประเทศช่วยประชาชนทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrency ทั้งหมดนั้นจะเป็นสิ่งที่ได้ผล และเกิดประโยชน์จริงหรือไม่ โดยเขามองว่าแบงค์ชาตินั้นใช้คำที่เกินเลยไปหน่อย อีกทั้งยังไม่เชื่อว่าการจะไปสกัดกั้นเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ทั้งหมดนั้นจะประสบความสำเร็จ และจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยด้วย

ในยุคที่ ICO หรือวิธีการระดมทุนผ่านเหรียญ token กำลังมาแรงนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำไปใช้เพื่อระดมทุนให้กับบริษัทสตาร์ทอัพจนประสบความสำเร็จไปแล้วมากมาย อย่างในประเทศไทยนี้ ล่าสุดบริษัทเจ อเวนเจอร์ส หรือบริษัทลูกของเจ มาร์ท จำกัด (มหาชน)ได้ทำการระดมทุนเสร็จไปแล้วเรียบร้อยโดย ได้รับเงินมากว่า 660 ล้านบาทภายใน 55 ชั่วโมงเท่านั้น

ภาพจากสำนักข่าวเจ้าพระยา

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น