<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Chainalysis เปิดเผยงานวิจัยเกี่ยวกับการร่วงของราคา Bitcoin ล่าสุด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลาย ๆ คนรู้ดีถึงการร่วงของราคา Bitcoin ที่ร่วงลงมากว่า 3 เท่าตั้งแต่ในช่วงจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่เดือนธันวาคมของปีที่แล้ว เมื่อราคานั้นได้พุ่งไปแตะ 20,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะร่วงลงมาเหลือ 6,000 ดอลลาร์ในภายหลังจากนั้น คำถามที่ตามมาก็คือ อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น นักลงทุน Bitcoin ส่วนใหญ่กำลังพยายามหาคำตอบแต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ล่าสุดนี้ทาง Chainalysis ได้เผยถึงปัจจัยที่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

การร่วงลงแบบหาเหวไม่เจอ

สถาบันวิจัยด้าน blockchain ที่ประกอบไปด้วยนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลนาม Chainalysis ได้ออกมาเคลมว่าพวกเขาเพิ่งจะร่วมงานกับ Mt Gox ในการตรวจสอบ Bitcoin ที่หายไป โดยงานวิจัยของพวกเขาที่มีชื่อว่า “The Great Bitcoin Price Dip: Its Causes and a Way Forward” ได้มีการเผยถึงข้อมูลที่น่าสนใจโดยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ technical analysis แม้แต่น้อย แต่เป็นการหยิบยกข้อมูลและหลักฐานที่พิสูจน์ได้มาตีพิมพ์

โดยอ้างอิงจาก Chainalysis นั้น การเทขาย Bitcoin มีขึ้นเนื่องจาก “ข่าวสารเกี่ยวกับทางผู้ออกกฎหมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนโวลลุ่มการซื้อขาย และรวมถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่อยู่ในระดับสูง และการขาดปัจจัยพื้นฐานส่งผลทำให้เกิดพฤติกรรมแห่กันเข้ามาซื้อเหรียญ cryptocurrency บนเว็บเทรดที่เกี่ยวข้อง” โดยรายงานดังกล่าวยังได้เปรียบเทียบ ‘เม่า’ ในปัจจุบันว่าเหมือนกับฝูงสัตว์ที่แห่วิ่งไปตามกันเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ แล้เมื่อฝูงไหนที่เกิดอาการตกใจ ก็จะส่งผลกระทบไปทั้งฝูงทั้งหมด

ฝูงแกะที่กำลังรอการถูกเชือด

Bitcoin มีค่าเท่าไรกัน

ทาง Chainanysis ทราบดีถึงความยากในการตีราคาที่แท้จริงของ Bitcoin โดยรายงานยังกล่าวอีกว่า “สินทรัพย์แบบธรรมดาทั่วไปมักจะตัวแปรด้านพื้นฐานของตลาดที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าใจและประเมิณราคา และรวมถึงความผันผวนของโวลลุ่มได้ แต่โลกของ cryptocurrency นั้นต่างออกไป หลาย ๆ คนกำลังพยายามหาคำตอบเกี่ยวกับปัจจัยด้านพื้นฐานเพื่อประมาณโวลลุ่มอันมหึมานี้” ก่อนที่จะเสริมว่า “โวลลุ่มการซื้อขายนั้นมักจะมีความอ่อนไหวต่อข่าวที่เกี่ยวกับกฎหมาย ในขณะที่ราคาของมันนั้นถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ที่อ่อนไหว”

สำหรับนักลงทุนที่ทำการลงทุนในตัว Bitcoin มาตลอดในช่วงปี 2017 นั้นจะรู้ดีว่าทรัพย์สินดิจิตอลดังกล่าวนั้นมีความอ่อนไหวต่อข่าวสารจากรัฐบาลและผู้ออกกฎหมายมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาหนึ่งที่รัฐบาลจีนออกมาประกาศว่าจะแบนเว็บเทรด Bitcoin นั้นส่งผลทำให้เกิดโวลลุ่มการเทขายอย่างรุนแรง แต่ก็ฟื้นตัวได้ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ถัดมา นอกจากนี้ในรายงานยังได้กล่าวถึงสัญญาณอื่น ๆ ที่มักจะใช้กันเพื่อเป็นตัวบ่งชี้ถึงกระแส Bitcoin ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเทรนด์การค้นหาบน Google ที่พุ่งขึ้นเร็วยิ่งกว่าราคาของ Bitcoin แต่ก็ไม่สามารถคงกระแสของมันไว้ได้

“ในตลาดหุ้นนั้น การ correction ของราคานั้นปกติจะอยู่ที่ประมาณ 10% และตลาดหมีนั้น ราคาจะร่วงที่ประมาณ 30% แต่ในช่วงวันที่ 17 ธันวาคมและ 6 กุมภาพันธ์นั้น ราคาของ Bitcoin ได้ร่วงลงไปกว่า 70%”

ข้อสรุป

ทางกรรมการของฝั่ง Chainalysis ได้ให้ข้อสรุปว่าเหตุการณ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ออกกฎหมายและอารมณ์ของนักลงทุนเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจสำหรับใครหลาย ๆ คน นอกจากนี้รายงานยังได้เผยถึงข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับข้อมูลที่วิจัยมาได้อีกด้วย อย่างเช่นโวลลุ่มการซื้อขายบนเว็บเทรดใหญ่ ๆ ที่เพิ่มขึ้นในช่วงตลอดเดือนธันวาคมและมกราคม หากนำไปเปรียบเทียบกับของปี 2017 ทั้งปี นั่นหมายความความว่าถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเว็บเทรดแค่เว็บเดียว ก็อาจจะส่งผลไปถึงเว็บอื่น ๆ ด้วย และก็เช่นกัน ถ้ามีผู้เล่นรายใหญ่เกิดอาการ “ตกใจ” เทขายอย่างเช่นผู้ช่วย Mt. Gox เป็นต้น

เมื่อกระแส Bitcoin พุ่งทะยานถึงจุดสูงสุดเมื่อเดือรธันวาคมที่ผ่านมา เว็บเทรดหลาย ๆ ที่ต่างก็เจอกับเหตุการณ์สภาพคล่องที่สูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน นักลงทุนเข้ามาฝากเงินมากกว่าถอนเงิน “ซึ่งเป็นผลทำให้ภายหลัง supply นั้นมีมากกว่า demand ดังนั้นจึงทำให้ราคาไม่สามารถคงอยู่จุดเดิมได้อีกต่อไป” และท้ายสุดก็สรุปว่าราคาของ altcoin นั้นมีความเกี่ยวข้องกับราคาของ Bitcoin แม้ว่าในอนาคตจะมีเหรียญใหม่เกิดขึ้นมามากมาย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยก็คืออะไรที่เกิดขึ้นกับ Bitcoin ก็จะเกิดขึ้นกับเหรียญที่เหลือทุกเหรียญ

ภาพจาก Shutterstock

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น