เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Siam Blockchain ได้เขียนรีวิว ICO เมืองไทย ตัวหนึ่งนาม SIX Network ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับ Creative Worker แบบ Decentralized ที่จะมาแก้ปัญหาด้านอุตสาหกรรมของนัก Creative ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านการเงิน, กระเป๋าสตางค์แบบดิจิทัล และการค้าขายสินค้าแบบ Decentralized
เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา SIX Network สามารถระดมทุน ICO ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย และได้รับยอดระดมทุน ICO มากสุดในประเทศไทย ณ ช่วงเวลานี้
จากนั้นเมื่อกลางเดือนมิถุนายนทาง SIX Network ได้ประกาศ Roadmap ในปี 2018 ออกมาเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน (ฉบับภาษาอังกฤษจากทาง Medium ของ SIX Network ที่นี่)
โดยหนึ่งใน Roadmap ที่ทาง SIX Network ได้ประกาศก็คือการทำกระเป๋าเงิน (Cryptocurrency Wallet) สำหรับกลุ่ม Creative ให้ใช้งานได้อย่างง่าย สะดวกและมีสกุลคริปโตที่หลากหลายอีกด้วย
เปิดตัว SIX Wallet
อ้างอิงจาก PR ของ SIX Network ใน Wallet เวอร์ชั่นแรกของทาง SIX Network จะใช้งานได้ครอบคลุมในทุกฟังก์ชั่นพื้นฐาน เช่น การรับเงิน การโอนเงิน ดูประวัติธุรกรรมย้อนหลัง โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสะดวกในการใช้งาน ควบคู่ไปกับความปลอดภัย
สำหรับการใช้งานในครั้งแรกนั้น จำเป็นต้องสมัครสมาชิกโดยใช้ Username และ Password คู่กับ OTP ที่ได้รับจากเบอร์มือถือเท่านั้น สำหรับในการเข้าสู่ระบบครั้งต่อไปใช้เพียงแค่ PIN ซึ่งเป็นตัวเลข 6 หลักเพื่อเข้าใช้งาน และหากที่จะส่งเหรียญให้ใครก็แค่พิมพ์ @Username ของผู้ใช้งาน เพียงเท่านี้ก็สามารถส่งเงินได้แล้ว
สำหรับ @Username ของ SIX Network เอาไว้ทำธุรกรรมระหว่าง SIX Wallet ไปยัง SIX Wallet เท่านั้น หากผู้ใช้งานจะทำธุรกรรมระหว่าง Stellar Network ก็สามารถใช้ Public key ในการทำธุรกรรมได้เช่นกัน
นอกเหนือจากนั้นทาง SIX Wallet สามารถดูประวัติการทำธุรกรรมและดูราคาคริปโตแบบ Real Time และย้อนหลังได้อีกด้วย อีกทั้งในเวอร์ชั่นต่อๆไป จะรองรับสกุลเงินหลักต่าง ๆ เช่น Bitcoin, Ethereum, OMG และอื่น ๆ อีกด้วย
Killing Feature
อ้างอิงจาก PR MultiSIX (Multi-signature) จะเป็นฟีเจอร์ไม้เด็ดที่จะทำให้โดดเด่นกว่า Wallet อื่น ๆ หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายขึ้น การทำธุรกรรมบน SIX Wallet หนึ่งธุรกรรม จำเป็นต้องใช้กุญแจอย่างน้อยสองดอกในการไขตู้เซฟเพื่อนำเงินออกมาได้ กุญแจดอกแรกจะอยู่กับฝั่งผู้ใช้งานที่กำลังจะทำธุรกรรม และอีกหนึ่งดอกจะอยู่ที่ฝั่ง Server ของ SIX network ที่ช่วยยืนยันการทำธุรกรรม
โดยทาง SIX อธิบายถึงวิธีการใช้งานคร่าว ๆ คือ เมื่อฝั่งผู้ใช้งานต้องการจะทำธุรกรรม แอปพลิเคชั่นของผู้ใช้งานจะส่งข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสด้วย Username, Password และข้อมูลอื่น ๆ ของผู้ใช้งานไว้หนึ่งชุดเพื่อสร้างกุญแจ และส่งมาที่ Server สำหรับฝั่ง Server จะนำข้อมูลของผู้ใช้งานที่ถูกเข้ารหัสไว้มาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่พึ่งได้รับมาจากผู้ใช้งานและสร้างกุญแจอีกหนึ่งดอก หากกุญแจสองดอกมีค่าเท่ากัน ถึงทำให้เกิดธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์ได้
จากที่กล่าวไปข้างต้น หากฝั่งใดฝั่งหนึ่งถูกโจรกรรม เช่นฝั่ง Server ถูกแฮ็ค ก็ยังจะไม่สามารถโอนเงินของผู้ใช้ได้ เนื่องจากยังขาดข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสจากฝั่งผู้ใช้ ในทางกลับกัน หากฝั่งผู้ใช้งาน ถูกแฮ็ค ข้อมูลของฝั่งผู้ใช้งานที่ถูกเข้ารหัสและส่งไปยัง Server จะไม่ตรงกัน ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมได้สำเร็จนั่นเอง
แผนพัฒนา SIX Wallet ปี 2018
อ้างอิงบนเว็บไซต์ทาง SIX จะเริ่มพัฒนา Proof of Concept และจะพัฒนาสามด้านหลัก ๆ ดังนี้:
SIX Wallet: จะเป็นศูนย์รวม Crypto Asset ของผู้ใช้งาน และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมายดังภาพประกอบด้านบน
Core service: ทาง SIX Network จะเปิดบริการ API บน SIX Wallet ในการชำระเงินในโลกธุรกิจรวมไปถึง Partner และ Startup ต่าง ๆ ที่ต้องการรับชำระเงินด้วย SIX ในอนาคต
Business Integration & Tokenization: SIX Network กล่าวว่ากลยุทธ์ของพวกขาก็คือการผสานรวมตัวกับธุรกิจด้านดิจิทัลที่เกี่ยวข้องมากมายและสร้างโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย SIX Network ให้กับพาร์ทเนอร์ทุกคน
ช่องทางดาวน์โหลด
ท้ายนี้ SIX wallet จะเปิดดาวน์โหลดได้ที่ Apple store และ Play store ในวันที่ 9 สิงหาคม 2018 และข่าวดีคือ ทาง SIX network จะยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมถึงจนสิ้นปี 2018 นี้อีกด้วย
สามารถติดตามช่องทางดาวน์โหลด และข่าวสารในช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้บน Social media ของ SIX network
หมายเหตุ: การลงทุนในตัวเหรียญ Cryptocurrency มีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนทำการตัดสินใจลงทุน ทางสยามบล็อกเชนจะไม่รับผิดชอบในความสูญเสียในทุกกรณี บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น