<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ERC-721 คืออะไร: เมื่อไฟล์ในคอมพิวเตอร์มีหนึ่งเดียวในโลกและกลายเป็นของสะสมได้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การเข้าใจถึงเทคโนโลยีเบื้องหลังเหรียญคริปโตต่าง ๆ นั้นถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีความจำเป็นหากต้องการลงทุน และศึกษาอย่างจริงจัง หลาย ๆ คงจะเคยได้ยินกันมาบ้างกับคำว่า “ERC-20” โดยส่วนมากจะเห็นได้ตามโปรเจกต์ ICO ต่าง ๆ ที่เคลมว่าเป็นโทเคน ERC-20 แต่รู้หรือไม่ว่า ERC-20 ไม่ใช่เพียงมาตรฐานเดียวใน Ethereum เท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วยังมีอีกหลากหลายมาตรฐานที่น่าสนใจ โดยในบทความนี้จะมาอธิบาย ERC-721 มาตรฐานสุดล้ำที่จะทำให้ทุก ๆ สิ่งรอบตัวเราอยู่ในรูปแบบดิจิทัลได้

ERC-721 คืออะไร

ERC-721 คือมาตรฐานที่ทำให้ข้อมูลที่เป็นดิจิทัลหรือโทเคนนั้นมีความเฉพาะตัว (Non-Fungible) โดยส่วนมากมักจะถูกนำไปใช้กับของสะสมต่าง ๆ ที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ที่ต้องการให้มีความหายากและไม่เหมือนใคร ไม่สามารถทำซ้ำได้ เพราะว่ามันมีโค้ดที่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน ในทางกลับกัน ERC-20 นั้นเป็นมาตรฐานที่จะทำให้ทุก ๆ โทเคนที่ถูกสร้างขึ้นมาภายใต้มาตรฐานดังกล่าวมีความเหมือนกัน

เปรียบเทียบให้เห็นภาพ โทเคน ERC-20 นั้นเป็นเหมือนธนบัตร 20 บาท ที่ไม่ว่าธนบัตรไหน ๆ ก็มีมูลค่า 20 บาท แต่คล้าย ๆ กันหมดและแทนที่กันได้ แต่โทเคน ERC-721 นั้นเหมือนกับสุนัข ที่หลาย ๆ คนมีสุนัข แต่ว่าสุนัขของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน มูลค่าไม่เท่ากัน ไม่สามารถแทนที่กันได้

เข้าใจแบบเรียบง่าย ERC-20 นั้นมักจะถูกใช้กับโทเคนที่ตั้งใจทำหน้าเป็นเงิน แต่ ERC-721 นั้นมักใช้กับสินทรัพย์ดิจิทัลที่เน้นการสะสม และทำให้มันมีความเฉพาะตัว

การใช้งานจริง

ERC-721 นั้นสามารถนำไปใช้งานจริง ๆ ได้ ด้วยความที่มันสามารถทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเฉพาะตัว โดยตัวอย่างที่เห็นชัด และรู้จักกันอย่างแพร่หลายที่สุดเลยคือ CryptoKitties เกมสะสมแมวดิจิทัลที่ใช้ ERC-721 และทำงานอยู่บนเครือข่าย Ethereum ซึ่งแมวแต่ละตัวนั้นมีความเฉพาะตัว เช่นสี, รูปร่าง และลักษณะอื่น ๆ ที่แตกต่างกันออกไปในขณะนี้มันถูกซื้อขายกันในราคาระดับพัน ไปจนถึงล้านบาทเลยก็มี

รวมทั้ง ERC-721 ยังได้รับความนิยมในหมู่นักสร้างเกมบน Blockchain อีกด้วย เช่นนำไปใช้กับเกมสะสมการ์ดออนไลน์ หรือนำไปใช้กับอาวุธต่าง ๆ ในเกม เนื่องจากการ ERC-721 จะทำให้การ์ดนั้น ๆ มีความหายาก และไม่มีมีอะไรมาแทนที่ได้ ซึ่งทำให้มูลค่าของมันมากขึ้นไปอีก เช่นเกม Gods Unchained ที่เคลมว่า ให้ผู้เล่นมีความเป็นเจ้าของการ์ดอย่างแท้จริง โดยปกติแล้ว เกมการ์ด หรือไอเทมภายในเกม จะถูกควบคุมได้โดยตรงจากผู้สร้างเกม รวมทั้งผู้เล่นยังไม่มีความเป็นเจ้าของไอเทมอย่างแท้จริงอีกด้วย ซึ่ง ERC-721 จะเข้ามาคืนความเป็นเจ้าของให้กับผู้เล่นได้

การใช้งานกับในชีวิตประจำวันของเรา

ข้างต้นนั้นเป็นเพียงแค่ตัวอย่างการใช้งานที่กำลังมีขึ้นจริงอยู่แล้วในขณะนี้ แต่ดูเหมือนว่าทั้ง CryptoKitties และ Gods Unchained นั้นยังเป็นเพียงแค่เกมส์ แต่ถ้าหากลองนึกภาพการนำเอา ERC-721 มาใช้กับ “ชีวิตประจำวัน” ของเราล่ะ?

ให้ลองนึกภาพถึงสิ่งของบางสิ่งที่มีมูลค่าในตัวมันเอง, มีจำนวนจำกัด และ จำเป็นต้องมีหลาย ๆ อัน, ตัว, ใบ แต่ยังต้องประสบปัญหาการถูกนำไปคัดลอกหรือทำซ้ำจนกลายเป็นของปลอม อย่างเช่นบัตรคอนเสิร์ต,และลอตเตอรี่ เป็นต้น ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้หากถูกนำไปใช้งานบนแพลทฟอร์ม ERC-721 แล้วล่ะก็ จะสามารถช่วยจัดการปัญหาการปลอมแปลง และของปลอมได้แบบ 100%

หรือหากเป็นเรื่องเฉพาะของกลุ่มบางกลุ่มอย่างเช่นของสะสมหายากของศิลปินยอดนิยม BNK48 ที่ปัจจุบันมีความเชื่อว่าตลาดขายของสะสมของเหล่านี้แตะหลักหลายล้านบาทไปแล้ว และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต ซึ่งนั่นหมายความว่าของปลอมก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน เทคโนโลยี ERC-721 จึงดูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

ความเป็นไปได้ในอนาคต

หากในอนาคตเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrency เริ่มได้รับการแพร่หลาย และเป็นที่ยอมรับโดยคนส่วนใหญ่ เราจะสามารถประยุกต์ใช้ ERC-721 ได้หลากหลายกรณีมาก ๆ ยกตัวอย่างใกล้ ๆ ตัวเช่นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เช่นบ้านหรือคอนโด ก็สามารถประยุกต์ใช้ได้โดยการ Tokenized (สร้างโทเคนขึ้นมาและระบุในโค้ดว่าเป็นของอสังหาริมทรัพย์ไหน) อสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ และนำข้อมูลไปบันทึกลง Blockchain พร้อมใช้มาตรฐาน ERC-721 ก็ทำให้ระบุได้อย่างชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าของ และสร้างความเฉพาะตัวของแต่ละสินทรัพย์ดิจิทัล

หากนำ Blockchain มาใช้ จะมีข้อดีตรงที่มีความโปร่งใสมากขึ้นดีกว่าเก็บข้อมูลไว้แค่รัฐบาลเพียงอย่างเดียว สามารถไล่ดูการโอนถ่ายความเป็นเจ้าของได้ทั้งหมด พร้อมทั้ง ทำให้กระบวนการซื้อขายความยุ่งยากน้อยลงไม่ต้องพึ่งกระดาษอีกด้วย เรียกได้ว่ามีประโยชน์หลากหลายประการ หรือหากไม่ประยุกต์กับอสังหาริมทรัพย์ก็สามารถนำไปใช้กับผลงานศิลปะ หรือของหายากอื่น ๆ ได้อีกเช่นกัน

ถึงแม้ไอเดียนี้จะดูล้ำสมัยและเป็นไปได้ยาก เมื่อปี 2017 ประเทศสวีเดนก็ได้เริ่มใช้ Blockchain ในการลงทะเบียนที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์อย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน หรือเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีการใช้ Blockchain ในการประมูลอาคารเก่าแก่นาม The Palazzetto ที่มีมูลค่ากว่า 42 ล้านดอลลาร์อีกด้วย

หากลองพิจารณาดู วงการคริปโตหรือ Blockchain นั้นไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่อุตสาหกรรมการเงินเท่านั้น ถ้าศึกษา และนำมาใช้อย่างถูกวิธี ก็สามารถประยุกต์ได้กับหลากหลายอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นเกม, ของสะสม, กีฬา, อสังหาริมทรัพย์ หรือแม้กระทั่งศิลปะก็ตาม จะเริ่มรู้เลยว่าในขณะนี้ Blockchain กำลังค่อย ๆ ทยอยปฎิวัติอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในโลกของเราแล้ว

ที่มาภาพ MediumMedium, Ethereum World News

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น