เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ร่วงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และเริ่มส่งสัญญาณว่าจะลงต่อ เพื่อไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 6,000 ดอลลาร์
อ้างอิงจาก Bitfinex เมื่อเวลา 7.15 UTC ในวันนั้น Bitcoin วิ่งลงไปแตะ 6,252 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำที่สุดตั้งแต่วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา
การร่วงลงของ Bitcoin นั้นเกิดขึ้นหลังจากที่พยายามที่จะผ่าน EMA 10 สัปดาห์ แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จอย่างที่เห็นจากกราฟ ซึ่งมีสิทธิไปทดสอบระดับ 6,000 ดอลลาร์ ซึ่งมีเหตุผลรองรับ 3 ประการดังนี้
ตัวชี้วัดต่าง ๆ บ่งบอกว่าจะเข้าสู่ขาลงต่อ
ก่อนหน้านี้ RSI เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และร่วงลงมาต่ำกว่า 50 และเหลือพื้นที่อีกมาก ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วง Oversold ซึ่งแปลว่าจะสามารถลงต่อได้อีก
รวมทั้ง Choppiness Index ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 61.8 และลดลงอย่างต่อเนื่องแปลว่า ตลาดขาลงนั้นมีความรุนแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ MACD ยังแสดงให้เห็น Crossover แบบ Bearish อีกด้วย
กราฟระยะยาวชี้ว่ากำลังจะเป็นตลาดหมี
ใน Time Frame 1 เดือนแสดงให้เห็นว่า ราคาร่วงลงไปต่ำกว่า EMA 5 เดือน และ 10 เดือน หลังจากที่ BTC ล้มเหลวที่จะทะยานขึ้นเหนือแนวต้าน และร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดในสามสัปดาห์
นอกจากนี้ EMA เหล่านั้นยังแสดงท่าทีว่าจะเป็นตลาดหมีเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2014 อีกด้วย
ตลาดหุ้นเข้าสู่ขาลงอาจทำให้ตลาดหมีรุนแรงยิ่งขึ้น
ราคา Bitcoin ร่วงลงไปต่ำกว่า 6,300 ดอลลาร์ หลังากที่ดาวโจนส์ (DJIA) ร่วงลงกว่า 800 จุด และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ราคา Bitcoin วิ่งตามตลาดการเงินอื่น ๆ
จากที่ดูในกราฟ BTC นั้นแทบจะวิ่งตาม DJIA เลยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2017 และไตรมาสแรกของปี 2018 ซึ่งดูจากกราฟแล้วตลาดการเงินเหล่านั้นอาจจะลงต่อ และ BTC ก็อาจจะลงต่อด้วย
ถึงแม้ Bitcoin จะดูเหมือนเหมือนเป็นสินทรัพย์ที่เป็น Safe Haven แต่ราคาของมันในอดีต บ่อยครั้งที่วิ่งตามตลาดการเงินอื่น ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก ๆ เพราะว่า Bitcoin ต้องการวางตัวเองเป็น Safe Haven เช่นทองคำ แต่กลับวิ่งตามตลาดการเงินอื่น ๆ อาจทำให้ความสนใจของนักลงทุนลดลงได้
ที่มา Coindesk
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น