เป็นที่ทราบกันดีว่าราคาคริปโตในตลาดนั้นนิ่งจนถูกยกมาล้อว่าได้กลายเป็น Stablecoin ไปแล้วในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากคริปโตหลาย ๆ สกุลนั้นมีการเปลี่ยนแปลงของราคาไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น รวมทั้งก่อนหน้านี้ยังมีรายงานด้วยว่า Bitcoin มีความผันผวนน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 18 เดือนอีกด้วย
การที่ตลาดแทบไม่ขยับเลยนั้นอาจจะมาจากนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าตลาดจะไปทางไหน เลยไม่ได้มีใครทำการซื้อหรือขายเลย ซึ่งในบทความนี้จะมาให้ความรู้ว่า ตอนนี้อะไรกำลังเกิดขึ้นในตลาดคริปโต และควรรับมือกับมันอย่างไร
สถานการณ์ของ Bitcoin
อ้างอิงจาก Coinmarketcap ในระยะเวลา 30 วันที่ผ่านมา ราคา Bitcoin วิ่งอยู่ในกรอบประมาณ 6,200 ถึง 6,700 ดอลลาร์เท่านั้น และสังเกตได้จากรูป ราคาของมันไม่ได้ขึ้นลงแบบหวือหวาเหมือนก่อนหน้านี้เลย มันจะ Sideway ไปเรื่อย ๆ และราคาของมันใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ถึง 2 สัปดาห์ก่อนจะมีการเคลื่อนที่ของราคาเพียงเล็กน้อย
หากลองนำไปเทียบกับเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนว่า มีการขึ้นลงของราคาที่ผันผวนกว่ามาก
นี่อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ว่าพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin กำลังจะเลือกทิศทางแบบชัดเจนในอนาคตอีกครั้งว่าจะสามารถขึ้นไปทะลุแนวต้านระดับ 7,400 ดอลลาร์ และกลายเป็นตลาดกระทิงอีกครั้ง หรือรักษาระดับ 6,000 ดอลลาร์ไม่สำเร็จ และร่วงลงไปต่ำกว่านั้น
สถานการณ์ของ Altcoins
ในส่วนของ Altcoins นั้น ส่วนมากจะมีทิศทางเช่นเดียวกับ Bitcoin เช่น เหรียญที่มีมูลค่าโดยรวมเป็นอันดับที่ 2 อย่าง Ethereum ก็มีกราฟที่มีทิศทางการเคลื่อนที่ราคาคล้ายกับ Bitcoin ในเดือนที่ผ่านมา
หรือเหรียญอันดับ 3 อย่าง XRP ก็มีทิศทางที่คล้ายกัน ถึงแม้ว่าเมื่อต้นเดือนที่แล้วจะมีความผันผวนมากกว่าก็ตาม
เรียกได้ว่าทั้งนักเทรด Altcoins หรือ Bitcoin เองต่างก็แสดงความสงสัย และกังวลอย่างชัดเจน ในอีกแง่หนึ่งความผันผวนที่ลดลงนี้ อาจจะบ่งบอกได้ว่า มันกำลังอยู่ในช่วงสะสมซึ่งยิ่งสะสมนานเท่าไร ก็ยิ่งเป็นฐานที่แข็งแกร่งต่อการทะยานครั้งต่อไปเท่านั้น
อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ?
หนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญ และกำลังจะมาถึงในอนาคตคือ การอนุมัติ Bitcoin ETF โดย SEC ที่จะต้องตัดสินอีกครั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ หากมันได้รับการอนุมัติ ก็จะถือเป็นการลั่นไก และอาจทำให้ตลาดคริปโตกลายเป็นขาขึ้นเช่นเมื่อปลายปี 2017 ที่ราคาของ Bitcoin เริ่มทะยานเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนเช่นกัน
สาเหตุหลัก ๆ ที่เมื่อ ETF ได้รับการอนุมัติแล้วจะทำให้ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นนั้นมาจาก นักลงทุนรายย่อยทั่วไป และสถาบันการลงทุนใหญ่ ๆ จะสามารถเข้ามาลงทุน Bitcoin ผ่าน Bitcoin ETF ได้อย่างถูกกฎหมายซึ่งในตอนนี้เว็บเทรดคริปโตต่าง ๆ ที่เป็นช่องทางหลักในการซื้อ Bitcoin นั้นยังไม่ได้ถูกกฏหมายเสียทีเดียว และยังกังวลเรื่องความปลอดภัยด้วยว่า จะถูกแฮ็กหรือไม่ ทำให้ Bitcoin ETF มาแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ทั้งหมด และเป็นปัจจัยที่อัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในตลาดคริปโตได้
นอกเหนือจาก ETF ที่คาดว่าจะได้รับการอนุมัติในอนาคตแล้ว ยังมีนักวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียงในวงการคริปโตอีกหลายคนที่ทำนายว่า Bitcoin ยังมีโอกาสไปแตะสูงกว่าจุดสูงสุดเดิมอยู่ภายในปีนี้ เช่นนาย Tom Lee นักทำนาย Bitcoin ชื่อดังที่ทำนายว่าจะไปแตะระดับ 25,000 ดอลลาร์ที่ปลายปีนี้ และนาย Arthur Hayes CEO ของเว็บเทรดคริปโตระดับโลก BitMEX ก็ได้ทำนายว่าจะไปแตะ 50,000 ดอลลาร์ที่ปลายปีเช่นกัน
สรุป
แต่หลังจากที่ฟังนักวิเคราะห์เหล่านั้น ก็อย่าเพิ่ง FOMO เกินไป นักลงทุนที่ดีต้องเตรียมการให้ดีทั้ง 2 ทาง ต้องวางแผนให้เรียบร้อยว่า เมื่อราคา Bitcoin ทะลุที่เท่าไรจึงจะซื้อตาม และ HODL เพื่อหวังทำกำไรอีกครั้ง หรือว่าเมื่อราคาทะลุระดับไหน ควรที่จะขาย หรือ Cut Loss Bitcoin ที่ถือไว้
การวางแผนก็สำคัญแล้ว แต่การทำให้ได้นั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด มันจะมีความกลัว หรือความโลภมาบน เสมอเพราะฉะนั้นในช่วงที่ตลาดคริปโตยังไม่มีท่าทีอะไร ให้ไปศึกษาและหาให้ดี เตรียมให้พร้อมสำหรับตลาดกระทิง หรือหมีในอนาคตข้างหน้า ซึ่งเชื่อว่า เมื่อมันตัดสินทางได้ มันจะไปจนสุดทางนั้นแน่นอน เนื่องจากการ Sideway ระดับประวัติศาสตร์ครั้งนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันจะรุนแรงแค่ไหน
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น