<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รายงาน: นักลงทุนคริปโตหลายคนสูญเสียบ้านตัวเอง หลังจากราคา Bitcoin ร่วงในช่วงปีที่ผ่านมา

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Sky News สถานีโทรทัศน์ของอังกฤษรายงานว่านักลงทุน Bitcoin สูญเสียบ้านเนื่องจากราคา Bitcoin ร่วงอย่างหนัก ซึ่งมันเชื่อมต่อกับทุกตลาดเช่นตลาดหุ้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดอื่น ๆ

รายงานระบุว่านักลงทุนทั้งหลายได้นำบ้านตัวเองไปเป็นหลักประกันในการกู้แล้วเอาเงินมาลงทุนใน Bitcoin และเมื่อราคา Bitcoin ลดลงบ้านของพวกเขาก็โดนยึด พร้อมกับสินทรัพย์อื่น ๆ โดยในรายงานระบุว่า:

“ผู้ชายที่แต่งงานแล้วต้องรีบทำเงินได้อย่างรวดเร็ว เพราะว่าพวกเขากลัวว่าการลงทุนใน Bitcoin ของพวกเขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากคู่สมรสของพวกเขา และพวกเขาก็กลัวว่าสินทรัพย์ที่เขามีจะหายไปกับบ้านของพวกเขาด้วย”

การลงทุนผิดวิธี

สินทรัพย์คริปโตเช่น Bitcoin (BTC) หรือ Ethereum (ETH) ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและเป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์ที่เพิ่งเกิดใหม่

ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานาย Vitalik ศาสดาของ Ethereum ออกมากล่าวว่า คริปโตเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมาก และจะเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลาถ้าลงทุนมากกว่าที่ตัวนักลงทุนจะรับไหว เนื่องจากราคาคริปโตสามารถลดลงมาเหลือ 0 ดอลลาร์ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ

จากวลีที่ว่า “คนรวยจะยิ่งรวยขึ้น” และ “เงินได้เงิน” หมายถึงความสามารถของนักลงทุนมั่งคั่งที่สามารถถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและสามารถรอดตายจากตลาดขาลงหรือตลาดหมีโดยที่ไม่ต้องขายสินทรัพย์ของตัวเอง ในทางตรงกันข้ามนักลงทุนที่ลงทุนมากกว่าที่ตัวเองจะรับไหวในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง แต่ต้องการเงินเพื่อนำมาครอบคลุมค่าใช้จ่ายระยะสั้นนั้น ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขายสินทรัพย์ตัวอื่นเพื่อเอาเงินสดมาหมุนเวียน

ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีอัตราฆ่าตัวตายทั้งในยุโรปและอเมริกาฯ พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่ิยที่สูญเสียเงินกับการลงทุนพบว่ามันยากที่จะจัดการกับความวิตกกังวล ความซึมเศร้าและความเครียดจากเรื่องราวที่ได้เจอมา

อย่าลงทุนเกินกว่าจำนวนเงินที่เราสามารถสูญเสียได้

การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงนั้น ต้องมีการบริหารที่ดี เพราะในปีที่ผ่านมา (2018) ราคา Bitcoin ร่วงลงมาเกือบ 85 เปอร์เซ็นต์

นักลงทุนจำนวนมากในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นมักจะก่อหนี้เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง โดยไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมและส่วนใหญ่กจะพาไปยังการล้มละลาย

และยิ่งเป็นสินทรัพย์เกิดใหม่แล้วนั้น สิ่งที่สำคัญคือนักลงทุนต้องชั่งน้ำหนักความเสี่ยงในการลงทุนและคาดว่าตัวเองจะอยู่รอดไหมถ้าเกิดภาวะตลาดหมีที่ยาวนาน

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น