<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รายงานเผยธนาคารมีส่วนช่วยในการฟอกเงินเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่า Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

จากที่เคยพูดกันติดปากมานักต่อนักว่า Bitcoin นั้นจะช่วยทำให้อาชญากรสามารถทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายได้อย่างง่ายดายนั้น รายงานล่าสุดเผยว่าจำนวนเงินที่ถูกฟอกผ่าน Bitcoin นั้นหากถูกนำไปเทียบกับจำนวนธุรกรรมที่ถูกฟอกผ่านธนาคารระดับหลายล้านล้านดอลลาร์ต่อปีจะพบว่ามันเป็นจำนวนขี้ผงเท่านั้น

โดยอ้างอิงจากรายงานของ United Nations Office on Drugs and Crime เผยว่ามีเงินมากกว่าระดับล้านล้านดอลลาร์ที่เป็นธุรกรรมผิดกฎหมายผ่านระบบการเงินของธนาคารในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งทางนิตยสาร Bloomberg ตั้งชื่อบทวิเคราะห์นี้ว่า “The Cost of Dirty Money” หรือราคาของเงินสกปรก ที่มีการพูดคุยถึงความซับซ้อนของโลกแห่งการฟอกเงิน, อย่างเช่นเครือข่ายธนาคาร, ค่าปรับ และโทษจำคุก

ซึ่งธนาคาร ‘ตัวร้าย’ ที่ทาง Bloomberg กล่าวถึงคือ

  • Citigroup
  • JPMorgan Chase
  • Wachovia
  • Liberty Reserve
  • PDVSA
  • Standard Chartered
  • HSBC
  • Danske Bank
  • ING
  • Deutsche Bank
  • Commerzbank
  • Teodoro Nguema Obiang Mangue, ลูกชายของประธานาธิบดีแห่งประเทศ Equatorial Guinea (และตอนนี้ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดี)
  • Bangladesh Hackers
  • 1MDB
  • Commonwealth Bank of Australia

หนึ่งในคดีที่อื้อฉาวนั้นก็คือคดีแชร์ลูกโซ่ความเสียหายมูลค่า 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ของนาย Bernie Madoff ที่ทาง JPMorgan Chase ถูกปรับเป็นเงิน 2.05 พันล้านดอลลาร์ และรวมถึงการยักยอกยาเสพย์ติดของชาวเมกซิกันที่ได้ฟอกเงินไปแล้ว 3.78 แสนล้านดอลลาร์ผ่านระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ, เช็คเดินทาง และการทำธุรกรรมเงินสดผ่านธนาคาร Wachovia Bank ที่ถูกเปิดโปงแล้ว ซึ่งตัวอย่างข้างต้นนี้ชี้ให้เห็นถึงมูลค่าของเงินที่ถูกฟอกผ่านระบบธนาคารแบบเก่า

ที่น่าสนใจคือในขณะนี้ธนาคาร Deutsche Bank ดูเหมือนว่ากำลังจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เมื่อนาย Stephen Wilken หรือหัวหน้าฝ่ายแผนกอาชญากรรมและป้องกันการฟอกเงินของธนาคารดังกล่าวต้องเข้าไปให้การกับรัฐสภายุโรป ภายหลังจากที่ทางธนาคารถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการฟอกเงินจำนวนมหาศาล ที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารสัญชาติเดนมาร์ค Danske Bank โดยปัจจุบันธนาคารดังกล่าวกำลังถูกสืบสวนสอบสวนหลังจากถูกสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับคดีช่วยกันฟอกเงินมูลค่า 2.28 แสนล้านดอลลาร์ กับธนาคาร Deutsche Bank ตั้งแต่ปี 2007 จนถึง 2015

นาย Wilken กล่าวว่า

“มันไม่มีตัวเลือกธนาคารที่ปลอดภัยแล้ว”

Euractiv รายงานว่านาย Wilken กล่าวว่าทางธนาคาร Deutsche ได้ตัดความสัมพันธ์กับธนาคาร Danske เมื่อเดือนตุลาคมปี 2015 ที่ผ่านมา

“สัญญาเหล่านี้มักจะจบลงเมื่อทางธนาคารมองเห็นการละเมิดสัญญา หรือการไร้ซึ่งความโปร่งใสในแง่การเปิดให้บริการ” เขากล่าว “ซึ่งทาง Danske Bank เป็นแบบที่กล่าวมาข้างต้น” ทว่านาย Wilken ปฏิเสธที่จะอธิบายว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไร

โดยในระหว่างที่การสืบสวนกำลังมีขึ้น นาย Wilken ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดอื่น ๆ

ผู้สนับสนุน Bitcoin ส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นว่า cryptocurrency นั้นมีศักยภาพที่จะกำจัดอาชญากรรมด้านการเงิน เนื่องจากว่ามันมีสมุดบัญชีสาธารณะที่ทำงานอยู่บน blockchain ที่โปร่งใส และมันไม่สามารถที่จะถูกแฮค, แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อมีการทำธุรกรรมไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทางผู้สนับสนุน bitcoin ยังชี้ให้เห็นว่าการทำธุรกรรมออนไลน์ของ Bitcoin นั้นเคยถูกนำไปใช้ซื้อยาเสพย์ติดและอาวุธบนดาร์คเว็บที่มีชื่อว่า Silk Road ที่ถูกปิดตัวลงไปแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2011 ถึง 2013 ยิ่งไปกว่านั้นหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ยังเคยรายงานไปแล้วเมื่อเดือนกันยายนปี 2018 ที่ผ่านมาว่า Bitcoin นั้นถูกนำไปใช้ฟอกเงินไปแล้วด้วยจำนวนกว่า 9 ล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีที่ผ่านมา

และนอกจากนี้ Wall Street Journal ยังได้กล่าวหาว่า Shapeshift หรือบริษัทด้านการแลกเปลี่ยนคริปโตนั้นมีส่วนร่วมในการฟอกเงิน แม้ว่านาย Erik Voorhees หรือ CEO ของบริษัทดังกล่าวจะไม่ได้ออกมาตอบโต้มากนักก็ตาม

ทว่าคดีความที่เกี่ยวข้อกับ crypto ที่รุนแรงที่สุดนั้นไม่ใช่การฟอกเงิน แต่เป็นการ hack เว็บผู้ให้บริการซื้อขายเหรียญคริปโต ที่สร้างความเสียหายไปแล้วว่า 1 พันล้านดอลลาร์

ในส่วนของความเป็นส่วนตัวนั้น การทำธุรกรรมผ่าน Bitcoin ดูเหมือนว่าจะไม่ได้หยิบยื่นความเป็นส่วนตัวได้เทียบเท่ากับเงินสด เนื่องจากว่าแต่ละธุรกรรมนั้นสามารถที่จะถูกตรวจย้อนขึ้นไปยังต้นทางผ่าน Blockchain ได้ ในขณะที่การทำธุรกรรมด้วยเงินสดนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตรวจว่าเคยผ่านมือของใครมาแล้วบ้าง

เมื่อเงินสดนั้นเข้าไปอยู่ในบัญชีปลายทาง ไม่ว่าจะผ่านทาง money order หรือการฝากตรง มันจะกลายเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับตำรวจในการตรวจว่าเงินเหล่านี้มีแหล่งที่มาจากไหน, มีใครเกี่ยวข้อง, หรือเงินในส่วนนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อทำอะไร เป็นต้น

แต่กระนั้นแล้วในท้ายสุด หากไม่นับเรื่องคดีความอาชญากรรมด้านการเงินมูลค่าล้านล้านดอลลาร์นั้น ผู้คนก็ยังคงให้การสนับสนุนธนาคาร และยังคงใช้เงินสดกัน ส่วนอาชญากรและผู้ร้ายก็ยังคงมีตัวตนต่อไปในโลกนี้ และจะยังคงมีต่อไปเรื่อย ๆ และพวกเขาจะทำทุกวิถึทางจากตัวเลือกที่มีอยู่เพื่อให้พวกเขาบรรลุสิ่งที่พวกเขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin, ธนาคาร และอื่น ๆ ซึ่งวังวนนี้จะยังคงมีต่อไป ไม่มีวันจบสิ้น

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น