<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รายงานเผย เว็บเทรดคริปโตนั้นถูกใช้เพื่อฟอกเงินมาแล้วกว่า 88 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ 2016

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

มีเว็บผู้ให้บริการซื้อขายเหรียญ cryptocurrency อย่างเช่น Bitcoin กว่า 46 แห่งทั่วโลกได้ช่วยให้อาชญากรทำการฟอกเงินไปแล้วเป็นจำนวน 88 ล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีที่ผ่านมา อ้างอิงจากรายงานของหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal (WSJ)

การฟอกเงินด้วยเหรียญคริปโตกำลังแพร่หลาย

ทาง Wall Street Journal ได้ทำการสืบสวนที่มาของจำนวนเหรียญคริปโตที่ถูกโอนไปกว่า 2,500 wallet ที่ภายหลังได้ถูกตีตราว่าเป็นกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยพวกเขาได้ร่วมงานกับบริษัทด้านการสืบสวน Blockchain สัญชาติอังกฤษนาม Elliptic เพื่อสืบสวนตั้งทางในการโอนเหรียญจาก wallet ไปสู่ เว็บเทรด นอกจากนี้พวกเขายังได้ตรวจสอบ portfolio บางตัวที่ใช้ในการซื้อขายเหรียญคริปโตที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นของเว็บเทรด ซึ่งทาง WSJ ได้ทำการดาวน์โหลดข้อมูลเหล่านั้นมา และนำมาเปรียบเทียบกับ wallet address ที่เว็บเทรดใช้

ในรายงานของ WSJ ได้อ้างว่า ShapeShift AG นั้นเป็นหนึ่งในเว็บเทรดคริปโตที่มีการรับโอนเหรียญที่เกี่ยวกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายและมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐฯ โดยได้ช่วยประมวลผลธุรกรรมไปแล้วกว่า 9 ล้านดอลลาร์จากจำนวนที่ต้องสงสัยกว่า 88 ล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ นั้นอาจเป็นเพราะว่าในปัจจุบัน ShapeShift นั้นไม่ได้มีการทำ KYC หรือยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน และให้ทุกคนสามารถเทรดได้อย่างอิสระและไร้ตัวตน ทว่าเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาได้ออกมาประกาศว่าจะเริ่มมีการทำ KYC ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ เพื่อ

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า WSJ จะไม่ปราณี ShapeShift เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนใจมาทำ KYC แล้วก็ตาม โดยในรายงานนั้นมีการกล่าวถึงนาย Eric Voorhees หรือ CEO ของ Shapeshift ที่มีความเป็น liberal มากเกินไป และยังได้กล่าวถึงมุมมองของเขาเกี่ยวกับกฎหมายการฟอกเงินหรือกฎหมายอีกด้วย

รายงานของ WSJ ยังได้เผยถึงหลักฐานจากน้กวิจัยด้านความปลอดภัยที่มีการพิสูจน์ว่าอาชญากรได้ใช้ ShapeShift เพื่อขาย Bitcoin ออกไปเป็น Monero หรือเหรียญคริปโตที่มีความเป็นส่วนตัวสูง รวมถึงการโจมตีของตัว Ransomware อย่างเช่น WannaCry ที่ก่อนหน้านี้เคยเข้าไปฝังในเครื่องคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลทั่วโลก และเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin ได้กว่าหลายล้านดอลลาร์ โดยทาง WSJ กล่าวหาว่า ShapeShift นั้นไม่ยอมแม้แต่จะเปลี่ยนนโยบายการใช้งานหลังจากที่มีการแฮคเกิดขึ้น และยังช่วยอาชญากรเหล่านั้นฟอกเงินจนทำให้ไม่สามารถตรวจจับได้อีกด้วย

นอกจากนี้ WSJ ได้มีการกล่าวถึง ICO ตัวหนึ่งที่มีการระดมทุนมาได้กว่า 2.2 ล้านดอลลาร์ในรูปแบบ Ethereum จากนักลงทุนที่ภายหลังเงินจำนวนดังกล่าวหายไปอย่างลึกลับ ภายหลังได้มีการตรวจจับเงินที่ถูกขโมยไปนั้น ทาง WSJ พบว่าส่วนหนึ่งของเหรียญคริปโตเหล่านั้นไปตกอยู่ที่เว็บเทรดนามว่า KuCoin และอีก 517,000 ดอลลาร์ไปที่ ShapeShift ที่ภายหลังถูกนำไปแปลงเป็น Monero

CEO กล่าว ‘รายงานนั้นไม่ถูกต้อง’

ภายหลังนาย Erik Voorhees ได้ออกมากล่าวบน Twitter ว่า

“พวกเราได้รับรู้แล้วถึงรายงานข่าวที่ถูกเขียนขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้องเพื่อโจมตีเราโดยใครบางคนจาก WSJ ซึ่งมันมีความหมายที่ไม่ตรงไปตรงมาและทำให้เข้าใจผิด” พร้อมยังเขียนต่ออีกว่า “นักเขียนนั้นเอาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงที่ไร้ซึ่งมูลความจริง อีกทั้งยังขัดแย้งกับเรื่องจริงอีกด้วย ตัวเลข 9 ล้านดอลลาร์นั้นคิดเป็นปริมาณที่น้อยกว่า 0.2% ของโวลลุ่มการซื้อขายบนเว็บเราใรช่วงเวลานั้น แล้วอีกอย่างนะ อัตราการฟอกเงินของธนาคารทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 2-5%”

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น