<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

วิเคราะห์: บริษัท Tesla อาจกระโจนเข้าสู่ตลาด Bitcoin ในท้ายสุด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

คำกล่าวสั้นๆซึ่งได้หลุดออกจากปากของ Elon Musk ผู้ก่อตั้ง Tesla และ SpaceX ได้ทำให้วงการสั่นสะเทือน เพราะหาโอกาสได้ยากมากที่เขาจะขึ้นมาพูดถึงสกุลเงินคริปโต โดยเฉพาะตัว Bitcoin ซึ่ง Elon Musk ได้กล่าวไว้ว่า “ Bitcoin นั้นค่อนข้างน่าประทับใจ”

เขายังได้กล่าวต่ออีกว่า

“เป็นที่แน่นอนว่าตัวเงินที่เป็นกระดาษนั้นกำลังเสื่อมค่าลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเปรียบเทียบกับคริปโตไม่ได้เลยในการใช้เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนต่างๆ แต่คริปโตนั้นก็มีทั้งคุณและโทษในเวลาเดียวกัน”

อีกทั้งยังได้มีการกล่าวเป็นนัยว่าElon Musk มองเห็นประโยชน์ในตัว Ethereum เช่นเดียวกันผ่านสื่อ podcast ของ ARK Investment

Bitcoin นั้นน่าประทับใจ แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะทำให้ TESLA เข้าสู่วงการคริปโตอย่างเต็มตัว

มันเป็นความเชื่อที่ได้รับการยอมรับจากหลายฝ่ายว่าสกุลเงินคริปโตและ Bitcoin นั้นเกิดมาจากบุคคลซึ่งประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดจากวงการ Silicon Valley อย่างเช่น Elon Musk ผู้ซึ่งเป็นทั้งนักธุรกิจ วิศวกร และมหาเศรษฐีผู้มีส่วนร่วมหลักในการขับเคลื่อนวงการธุรกรรมการเงินออนไลน์ เมื่อครั้งที่เขาได้สร้างระบบการแลกเปลี่ยนและชำระเงินออนไลน์ที่ชื่อ Paypal ขึ้น

แม้เขาจะแสดงความนิยมชมชอบต่อ Bitcoin และความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าสกุลเงินคริปโตนั้นจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการธุรกรรมทางการเงิน และจะเข้ามาเป็นเสาหลักสำหรับระบบธุรกรรมของโลกอย่างแน่นอน แต่เขาจะยังไม่นำบริษัท Tesla Motors ของเขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับตลาดคริปโตในเร็ววันนี้ โดยเขาได้กล่าวไว้ว่า

“แต่ผมไม่มั่นใจนักว่ามันจะเป็นการใช้ประโยชน์จากแหล่งทุนของบริษัท Tesla Motors อย่างมีประสิทธิภาพในการเข้าไปมีส่วนร่วมกับตลาดคริปโต”

อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า Bitcoin และสกุลเงินคริปโตนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้มหาเศรษฐีอย่าง Elon Musk หมกมุ่นอยู่กับมันได้ เพราะแค่งานของเขาทั้งที่ Tesla และ SpaceX เองก็ใช้เวลามากเกินพออยู่แล้ว อย่างที่เขามีวินัยในการทำตามวิธีการบริหารเวลาของตัวเองโดยแบ่งช่วงเวลาสำหรับแต่ละอย่างเพียง 5 นาทีเท่านั้นในแต่ละวัน

โอกาสครั้งสำคัญของบริษัทเจ้าตลาดทั้งหลายในการเข้าสู่วงการคริปโต

Tesla ซึ่งเป็นบริษัทยานยนต์ และ SpaceX ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีการเดินอวกาศ ทั้งสองนั้นเป็นเพียงสองบริษัทที่บ้ามากพอที่จะคิดใหญ่และทำใหญ่ให้เป็นจริง โดยผลตอบแทนมหาศาลที่ได้รับจากการผูกขาดการค้านานนับปีของบริษัททั้งสองนี้นั้นควรจะมีค่ามากพอที่จะทำให้บริษัททั้งคู่ดำเนินกิจการของตัวเองต่อไป

บริษัททั้งสองยังคงมีเวลาในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆเพื่อไปถึงฝั่งฝันของพวกเค้าอยู่ แม้ว่า Tesla และ SpaceX จะยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าตนนั้นมีผลกำไรที่ดีได้ก็ตาม ในทางกลับกัน บริษัทยักใหญ่อย่าง Microsoft หรือ Google ที่อยู่คู่วงการเทคโนโลยีมาอย่างยาวนาน มีโอกาสมากกว่าที่จะเก็บเกี่ยวผลกำไร ทั้งยังมีทุนเหลือเฟือที่จะลงแข่งขันกันในตลาด โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่อุตสาหกรรมสกุลเงินคริปโต อย่างช้า ๆ แต่ชาญฉลาด

อย่างที่เห็นได้ว่าระบบ cloud services ของ Microsoft นั้นจะได้ถูกนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตที่ชื่อว่า Bakkt  ของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และการที่บริษัท Google ได้ทำงานร่วมกับบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง Goldman Sach ที่ได้มีการลงทุนในบริษัทที่ทำงานกับสกุลเงินคริปโตหลายบริษัท โดยในวันที่ Elon Musk ได้กล่าวถึงคริปโต Bitcoin และ Ethereum เป็นครั้งแรกๆ บริษัท Google นั้นเป็นธุรกิจเทคโนโลยีที่แรกที่นำสัญลักษณ์ Bitcoin ใส่ลงไปในคีย์บอร์ดสำหรับ Application ของตน

แม้ Tesla จะยังไม่ลงแข่งในตลาด Bitcoin แต่คริปโตนั้นจะเข้าไปมีอิทธิพลกับตลาดยานยนต์อย่างแน่นอน

แม้จะยังต้องอาศัยเวลอีกหลายปีสำหรับ Tesla ที่จะจับทางธุรกิจที่ตนทำอยู่ถูกจนสามารถที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดสกุลเงินคริปโตได้ แต่ทั้งนี้ผู้เขียนก็ยังเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้เพราะความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีของ Tesla ในส่วนของแบตเตอรี่ไฟฟ้า และ ultracapacitors จะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญเพื่อเชื่อมโยงบริษัทเข้ากับสกุลเงินคริปโต เช่นเดียวกับที่คุณค่าของเหรียญ PoW นั้นมีความสัมพันธ์โดยตรงกับพลังงานไฟฟ้า อย่างที่ผู้ใช้เว็บไซต์ Reddit ได้กล่าวไว้ในพื้นที่พูดคุยเกี่ยวกับ Bitcoin ว่า

“ ความสามารถที่จะแปลงไฟฟ้าที่เหลือใช้เป็นเงินซึ่งเมื่อถึงเวลา เงินเหล่านั้นก็สามารถนำมาใช้เพื่อซื้อไฟฟ้าเหล่านั้นกลับมาใช้ได้นี่แหล่ะที่เป็นอนาคตของ Bitcoin ”

เหตุผลที่จะทำให้ Tesla เข้าสู่ตลาด Bitcoin ในที่สุด

มันเป็นการง่ายที่คนเราจะเข้าใจไอเดียในการปลดแอกตัวเองจากการถูกผูกขาดการบริโภคไฟฟ้าจากภาคการผลิตส่วนกลาง โดยอาศัยเครื่องมือหรือวิธีการจากบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีอย่าง Tesla หรือ บริษัทอื่น ๆ ในการบริโภคไฟฟ้าแบบเครือข่ายจากแหล่งกำเนิดและแหล่งใช้ไฟฟ้าส่วนย่อยแต่ละแห่งหรือ Peer to peer network ตัวอย่างเช่นการที่บ้านหรืออาคารแต่ละแห่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ด้วยตัวเองโดยอาศัยแผงเซลล์สุริยะ และยังสามารถแลกเปลี่ยนไฟฟ้าเหลือใช้กับหน่วยครัวเรือนอื่นๆได้อีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีความสำคัญเป็นอย่างมากในอนาคต

โดยอย่างยิ่งเมื่ออาศัย Bitcoin และ เงินคริปโตสกุล PoW ซึ่งจะเข้ามามีส่วนร่วมในเศรษฐกิจนี้ในอนาคต เช่นเดียวกับการที่เขือนพลังงานน้ำเก็บไฟฟ้าส่วนเกินไว้สำหรับการปั้มน้ำกลับเข้าสู่เขื่อนเพื่อเก็บไว้ใช้เมื่อต้องการเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า

อารยธรรมมนุษย์นั้นกำลังเข้าสู่ยุคที่เราสามารถสร้างเครื่องสร้างกระแสไฟฟ้าเช่นเครื่องแปลงคลื่นทะเลให้เป็นพลังงานไฟฟ้านั้นมีราคาย่อมเยาว์ ไม่ก่อมลพิษ อีกทั้งยังเป็นพลังงานหมุนเวียน โดยที่ Elon Musk นั้นเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ Bitcoin นั้นสามารถดึงทุกเศษเสี้ยวของพลังงานมาใช้ได้อย่างหมดจด โดยคำถามที่ว่าเขาจะเข้าสู่วงการคริปโตอย่างเต็มตัวเมื่อไหร่ คำตอบคงเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น