<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ราคา Bitcoin อาจแตะ 1.5 ล้านดอลลาร์ถ้ามันแทนที่เงินและทองคำที่มีอยู่ในระบบตอนนี้ทั้งหมด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Bitcoin ถูกสร้างขึ้นเป็นเงินทางเลือกนอกจากสกุลเงินปกติ (เงิน Fiat) แม้จะไม่ได้มีการบอกกล่าวจาก Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin อย่างชัดเจนแต่ทุกคนก็เข้าใจข้อเท็จจริงข้อนี้ได้เอง เห็นได้จากการที่อดีตผู้จัดการด้านผลิตภัณฑ์ของ Blockchain.com นาย Dan Held เคยออกมาโพสต์ทวิตเตอร์ว่าสิ่งที่ Satoshi สร้างคือความพยายามที่จะสร้างสิ่งใหม่ที่เป็น “กระดูกสันหลัง” ให้กับระบบการเงินมากกว่าการสร้างระบบการเงินดิจิทัลแบบ peer-to-peer เสียอีก  

แม้ว่าเจตนาที่แท้จริงของการสร้าง Bitcoin ตามที่ Satoshi ตั้งใจไว้ยังไม่บรรลุผลแต่ก็มีบางคนเห็นว่ามันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น สักวัน Bitcoin จะก้าวมาสู่ Wall Street และกลายมาเป็นอีกสกุลเงินทางเลือกอีกสกุลหนึ่งนนอกจากสกุลเงิน Fiat

Bitcoin เป็นเงินที่ตายยากมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์

นาย Travis Kling หัวหน้าแผนกการลงทุนของ Ikigai ได้โพสต์ทวิตเตอร์เกี่ยวกับสิ่งที่ได้เห็นจากตลาดหมีโดยกล่าวว่าหากจะมองในแง่ดีของตลาดหมีแม้ราคาของ Bitcoin จะอยู่ในสภาวะที่กลับตัวลำบากแต่ BTC เป็นเหรียญที่ตายยากมากที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมาในประวัติศาสตร์มนุษยชน

ในทวิตเตอร์ของนาย Kling อดีตผู้จัดการพอร์ตของ Point72 ได้โพสต์รูป infographic จากนักวิเคราะห์ของ Crypto Voices ที่เปรียบเทียบ Bitcoin กับสกุลเงิน Fiat ต่าง ๆ        

จากข้อมูลของทีมงาน Crypto Voices เงิน Fiat ที่มีอยู่ในระบบตอนนี้หากนับเป็นเงิน U.S. dollar จะมีมูลค่าอยู่ที่ 19.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ  ส่วนทองคำที่อยู่ในระบบซึ่งมีความสำคัญกับเศรษฐกิจพอ ๆ กับเงิน Fiat เทียบเป็นสกุลเงิน U.S dollar แล้วมีมูลค่ากว่า 7.83 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ส่วน Bitcoin ณ เวลาที่ทางทีมงานได้ทำรีพอร์ต มีมูลค่าอยู่ที่ 60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ และอาจจะเป็นไปได้ที่คริปโตเคอร์เรนซีจะมีมูลค่าสูงขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าหาก BTC ในทางทฤษฎีสามารถเทรดด้วยเงิน Fiat และทองคำทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ได้โดยไม่ทำให้ราคาตลาดผันผวนอาจจะทำให้มูลค่าของ BTC อยู่ที่ 1,571,316 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ต่อเหรียญ แม้มันจะเป็นทฤษฎีแต่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ไร้ตรรกะหากเราจะคิดว่า Bitcoin จะเข้ามามีอำนาจเหนือเงิน Fiat ในอนาคตก็ได้     

ข้อโต้แย้งที่บอกว่าคริปโตจะเข้ามาแทนที่เงิน Fiat

นาย Max Keiser ได้เคยออกมากล่าวกับ Bitcoinist ว่า Bitcoin นั้นเหมือนเป็นหลุมดำทางการเงินที่จะค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกลืนกินเงิน Fiat ทั้งหมดหากวิกฤติทางการเงินยังคงเป็นเช่นนี้อยู่

ด้านนาย Trace Mayer ก็เห็นด้วยกับความเห็นของนาย Keiser ซึ่งเขากล่าวว่านับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในช่วงปี 2008 จนถึงวันนี้ก็ 11 ปีแล้วแต่ดูเหมือนรัฐบาลและสังคมยังไม่ได้เรียนรู้ สร้างหนี้สินกว่า 87 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ เพราะความโลภของมนุษย์

นอกจากนี้เขายังกล่าวว่านวัตกรรม Lightning Network และโปรโตคอลอื่น ๆ ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่รวมถึงการเข้ามาสู่ตลาด Wall Street จะทำให้ Bitcoin กลายเป็นการลงทุนที่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคที่ฉลาดไปโดยปริยาย การถือเหรียญ BTC จึงนับว่าเป็นการวางแผนทางการเงินในระยะยาวไปจนถึงหลังเกษียรอายุที่ดีที่สุดเพราะการลงทุนในปัจจุบันอาจจะกลายเป็นหนี้สินระดับชาติและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหนัก แม้ว่าความคิดเห็นเหล่านี้จะออกนาในรูปแบบของการมองว่าระบบการเงินโลกกำลังจะอยู่ในช่วงล่มสลาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดไม่ได้เกินความจริงไปนัก

จากที่ประชุม World Government Summit ในประเทศดูไบนาง Christine Lagarde ได้ถูกยกย่องจาก Forbes ปี 20180 ว่าเป็นบุคคลที่ทรงพลังที่สุดอันดับที่ 22 ของโลก เขาได้กล่าวว่ามันมี “4 คลาวน์” ในสภาพแวดล้อมทางการเงินทั่วโลกรวมถึงระบบการเงินโลกอาจจะถูกพายุโหมเข้าใส่ เขาอธิบายว่าคลาวน์เหล่านี้รวมถึงสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน, การจำกัดสินค้าเชิงปริมาณ, Brexit และที่สำคัญที่สุดคือภาระหนี้สินที่รัฐบาล บุคคลและบริษัทได้ก่อขึ้น

ด้านนาย Ray Dalio ผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน Bridgewater Associates ได้ออกมากล่าวถึงสภาพแวดล้อมในปัจจุบันกับสิ่งที่เขาเห็นท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เขาได้กล่าวว่าช่วงปี 1929 ถีงปี 1932 นั้นมีการพิมพ์ธนบัตรออกมาจำนวนมากและการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินนั้นมีรูปแบบเหมือนเช่นในปัจจุบัน

ที่มา newsbtc.com

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น