เหรียญ Monero (XMR) เป็นที่รู้จักในฐานะสกุลเงินคริปโตที่เน้นความเป็นส่วนตัว ซึ่งได้เปิดตัวในปี 2014 ได้ประกาศว่าพวกเค้าสามารถที่จะอัพเกรดโปรโตคอลของตัวเองได้สำเร็จแล้วในวันที่ 9 มีนาคม ปี 2019
เป้าหมายในการ hard fork เพื่อการพัฒนาฟีเจอร์หลักของเหรียญ MONERO
เหรียญ Monero (XMR) นั้นพยายามที่จะทำให้ตัวเองแตกต่างจากสกุลเงินคริปโตอื่นๆโดยการมุ่งเป้าไปที่ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย และเพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพในฟีเจอร์เหล่านี้ ทีมงานเหรียญ Monero จึงได้ทำการอัพเกรดระบบเครือข่ายดังกล่าว
The scheduled protocol upgrade went successfully! ?
— Monero || #xmr (@monero) March 9, 2019
กล่าวโดยเฉพาะแล้ว เหรียญ Monero ซึ่งผ่านการ hard fork ที่ block 1788000 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย รวมถึงมาตรการป้องกันการขุดโดยอาศัยเครื่อง ASIC หรือที่เรียกว่า ASIC resistance โดยการเปลี่ยนแปลงหลักทั้งสี่ในเครือข่ายซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นดังนี้
- อย่างแรก ได้มีการเปลี่ยนแปลงบางต่ออย่างอัลกอริทึ่มสำหรับไซส์ตัวบล็อคแบบไดนามิก เพื่อแก้ไขปัญหา big bang attack
- อย่างที่สอง คือ การใช้อัลกอริทึ่ม PoW (CryptoNight-R) ในขั้นที่สามเพื่อตรวจจับเครื่อง ASICs บนเครือข่าย รวมถึงการดำเนินมาตรการป้องกันการขุดโดยอาศัยเครื่อง ASIC โดยผลที่ตามมาคือการที่ miners ต้องทำการอัพเดทอุปกรณ์ขุดของตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน
- อย่างที่สาม คือ ตัวจำลอง ID การใช้จ่ายซึ่งถูกเข้ารหัสได้ถูกแทรกเพิ่มเติมเข้าไปสำหรับธุรกรรมต่างๆเพื่อเพิ่มความเป็นหนึ่งเดียวกันของข้อมูลการดำเนินธุรกรรม
- อย่างที่สี่ ทีมพัฒนาได้ทำให้ความมุ่งหมายของทีมงานเป็นจริงด้วยการย่อขนาดปริมาณการเข้ารหัสรวมถึงการใช้เครื่องมือ deterministic masks โดยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้รับความเชื่อมั่นจากห้องแลปของ Monero ว่าเป็นการปลอดภัยที่จะนำมาใช้ อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยังเกี่ยวข้องกับรูปแบบธุรกรรมที่จะมีการอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นต่อไปอีกด้วย
ในขั้นตอนการดำเนินการ hard fork ทาง Monero ได้ทำการแจ้งแก่ผู้ใช้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในช่วง 24-48 ชั่วโมง ซึ่งจะมีผลต่อความเร็วของ block times ที่จะช้าลงตามที่คาดการณ์ไว้
เหรียญ MONEROนั้น ได้มุ่งเป้าไปที่การป้องกันความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
ตามที่ทีมงานของ Monero นั้นได้กล่าวอธิบายถึงระบบการปกป้องความเป็นส่วนตัวที่อยู่ภายในเหรียญ ทำให้มันเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการดำเนินธุรกรรมอย่างไม่เปิดเผย อย่างไรก็ตามทาง Monero ได้กล่าวถึงธุรกรรมของเหรียญว่าป็นไปไม่ได้เลยที่จะตามรอยธุรกรรมดังกล่าวตามที่ปรากฎในเว็บไซต์ว่า
“การส่งและรับข้อมูลที่อยู่หรือยอดของธุรกรรมนั้นจะถูกทำให้คลุมเครือโดยระบบ ธุรกรรมบนระบบ Blockchain ของ Monero นั้นจะไม่ถูกผูกติดกับผู้ใช้รายใดๆหรือบุคคลใดๆในความเป็นจริง”
ยกตัวอย่างเช่นการที่ผู้ซื้อกัญชามักจะเลือกช่องทางการจ่ายเงินอย่างเหรียญ Monero ซึ่งเป็นการถูกกฎหมายในประเทศแคนนาดาแต่ผลจะกลับกันในเขตอื่นๆนอกประเทศ เหรียญ Monero จึงเป็นที่ไว้วางใจสำหรับการซื้อขายดังกล่าว
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น