<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

การ Halving ของ Bitcoin ที่กำลังจะเกิด จะเป็นผลดีต่อราคาและนักลงทุนในระยะยาวหรือไม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อีก 255 วัน Bitcoin จะเกิดการ Halving แล้วซึ่งเป็นการลดรางวัลการขุดลง และเมื่อดูจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา BTC จะเกิดความผันผวนอย่างรุนแรงก่อนและหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ แต่มันจะเป็นผลดีกับนักลงทุนในระยะยาวหรือไม่?

การ Halving ของ Bitcoin

การ Halving เป็นการลดรางวัลการขุดของนักขุดเมื่อขุดได้บล็อกใหม่ จากโปรโตคอลของ Bitcoin รางวัลการขุดจะถูกลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งในทุก ๆ 210,000 บล็อก โดยประมาณแล้วจะเกิดทุก ๆ สี่ปี ขึ้นอยู่กับว่าบล็อกนั้นถูกขุดเร็วแค่ไหน ซึ่งปกติแล้วจะอยู่ที่ 10 นาทีต่อบล็อก ซึ่งก็จะมีบล็อกอยู่ที่ 144 บล็อกต่อวัน ในตอนนี้รางวัลการขุดนั้นอยู่ที่ 12.5 BTC รวมทั้งหมดรางวัลการขุดจะอยู่ที่ 1,800 BTC โดยไม่รวมค่าธรรมเนียม หรือประมาณ 19 ล้านดอลลาร์

ประมาณวันที่ 17 พฤษภาคมปีหน้าหลังจากบล็อกที่ 630,000 นักขุดจากที่ได้รับรางวัลการขุด 12.5 BTC จะได้รับรางวัลการขุดเพียง 6.25 BTC ต่อบล็อกซึ่คาดว่าเมื่อซัพพลายมันลดลงเช่นนี้อัตราการขุดของ Bitcoin ที่ใช้อุปกรณ์การขุดเก่า ๆ จะเริ่มทำกำไรได้น้อยลง แต่ในระยะยาวราคา Bitcoin จะพุ่งสงขึ้นเพราะมีเหรียญหมุนเวียนอยู่ในระบบน้อยลง

เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่ง BTC ทั้งหมด 21 ล้าน BTC ถูกขุด เหรียญชุดสุดท้ายที่ถูกขุดอาจจะเป็นปี 2140

การ Halving ที่ผ่านมา

การ Halving เกิดขึ้นสองครั้งแล้วตั้งแต่ Bitcoin เกิดมาเมื่อวันที่ 3 มกราคมปี 2019 โดยการ Halving ครั้งแรกเกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2012 เมื่อความสูงของบล็อกที่ 210,000 รางวัลการขุดในตอนนั้นลดลงจาก 50 BTC ต่อบล็อกเหลือ 25 BTC ต่อบล็อก จากข้อมูลตลาดการ Halving นี้จะส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin อย่างมีนัยยะสำคัญ

จากเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนปี 2011 ราคา Bitcoin มีจุดสูงสุดอยู่ที่ 31.90 ดอลลาร์หลังจากนั้นก็เผชิญสภาวะตลาดหมีมาตลอด 6 เดือนราคาร่วงลงมากว่า 93.70% ลงมาที่ 2.01 ดอลลาร์ในวันที่ 18 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน สร้างจุด bottom ขาลง และหลังจากนั้นราคา Bitcoin ก็พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เพียงแค่ 1 ปีก่อนการ Halving ราคา Bitcoin เกิดการ correction สองครั้งใหญ่ ๆ โดยเฉลี่ย 47.80%

ตอนที่การ Halving เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนปี 2012 ราคา Bitcoin พุ่งกว่า 514.50% จากจุดต่ำสุด 2.01 ดอลลาร์ เทรดกันอยู่ที่ 12.35 ดอลลาร์ หลังจากการ Halving ราคา Bitcoin ก็พุ่งขึ้นต่อมาสู่ที่ระดับราคา 268.67 ดอลลาร์ในวันที่ 10 เมษายน 2013 ซึ่งพุ่งขึ้นถึง 20.80 เท่าเลยทีเดียว

การ Halving ครั้งที่สองเกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2016 ที่ความสูงของบล็อก 420,000 ในตอนนั้นรางวัลการขุดที่นักขุดได้ลดลงจาก 25 BTC มาสู่ 12.5 BTC การ Halving ครั้งนี้ส่งผลต่อราคา Bitcoin เช่นเดียวกับการ Halving ครั้งแรก

ในช่วงปี 2013 เป็นช่วงตลาดขาขึ้นของ Bitcoin ราคามันพุ่งแตะ 1,177.19 ดอลลาร์ในวันที่ 30 พฤศจิกายน หลังจากนั้นตลาดขาขึ้นเริ่มอ่อนแรง ราคามันกลับมาร่วงกว่า 86% ลงมาสู่จุด bottom ที่ 163.88 ดอลลาร์ในวันที่ 14 มกราคม 2015

จากนั้นตลาดก็กลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งซึ่งครั้งนี้กินเวลานานถึง 3 ปี มีการ corrections 11 ครั้ง แต่ละครั้งเฉลี่ย 34.60 เปอร์เซ็นต์

ในระหว่างช่วงขาขึ้นของปี 2015-2017 Bitcoin ก็เผชิญกับการลดรางวัลการขุดในวันที่ 9 กรกฎาคม 2016 ซึ่งในตอนนั้น BTC เทรดกันอยู่ที่ 665.16 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 306 เปอร์เซ็นต์จากจุดต่ำสุดในวันที่ 14 มกราคมปี 2015 หลังจากนั้น BTC ก็ร่วงลงมา 27.40 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อราคามันกลับตัวขึ้นมา มันก็พุ่งทะยานแตะ 19,764.51 ดอลลาร์ในวันที่ 17 ธันวาคม 2017 หลังจากเกิดการ Halving ครั้งที่สองนี้ ตลาด Bitcoin มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 28 เท่า

การ Halving ที่จะเกิดขึ้นในปี 2020

แม้ว่ามันจะเร็วเกินไปที่จะวิเคราะห์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก่อนการ Halving ครั้งนี้ แต่ก็มีนักวิเคราะห์ก็ได้ออกมาสรุปผลที่อาจจะเกิดขึ้นแตกต่างกันไปโดยพิจารณาจากข้อมูลที่ผ่าน ๆ มาของ Bitcoin ดังนี้

  1. ราคา Bitcoin จะปรับฐานแล้วค่อยเข้าสู่ตลาดขาขึ้น เมื่อดูจากปี 2011 BTC มีจุด bottom ลดลงอยู่ที่ 93.70 ส่วนในปี 2013 เกิดการ correction 86 เปอร์เซ็นต์ เทรนด์ตลาดหมีก็สิ้นสุดลงที่การ pullback 84 เปอร์เซ็นต์จากจุดพีค
  2. ระหว่างตลาดขาขึ้น ราคา Bitcoin ปรับฐานหลายครั้งซึ่งมันดีต่อแนวโน้มขาขึ้น จากจุดต่ำสุดในวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ราคา 2.01 ดอลลาร์ และจุดสูงสุดที่ 268.67 ดอลลาร์ในวันที่ 10 เมษายน 2013 ราคา Bitcoin มีการปรับฐานครั้งใหญ่สองครั้งด้วยกันโดยเฉลี่ย 47.80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนระหว่างปี 2015-2017 ที่เป็นช่วงตลาดขาขึ้น ราคา Bitcoin มีการ correction ถึง 11 ครั้ง โดยเฉลี่ย 34.60 เปอร์เซ็นต์ จากจุดต่ำสุดที่ 3,148.33 ดอลลาร์ในวันที่ 15 ธันวาคมปี 2018 ราคา Bitcoin ปรับฐานครั้งใหญ่สี่ครั้งโดยเฉลี่ยแต่ละครั้งคือ 23.90 เปอร์เซ็นต์
  3. ราคา Bitcoin จะไม่สร้างจุดสูงสุดใหม่ก่อนการ Halving ในช่วงเหตุการณ์ลดรางวัลการขุดเมื่อสองครั้งที่ผ่านมาราคา Bitcoin ดูจะสัมพันธ์กับโมเดล stock to flow มากกว่า ซึ่งค่านี้คำนวณจากการหารจำนวน Bitcoin ทั้งหมดในการหมุนเวียนด้วยจำนวน Bitcoin ที่สร้างต่อเดือนหารด้วย 12 (ใน 1 ปีมี 12 เดือน) หากคำนวณตามวิธีการนี้จะเห็นว่า Bitcoin จะซื้อขายกันที่ 9,400 ดอลลาร์เมื่อการ Halving ครั้งที่สามเกิดขึ้น
  4. หลังจากเกิดการ Halving มูลค่าของตลาด Bitcoin จะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ดูจากหลังการ Halving ครั้งแรก ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นกว่า 20.80 เท่า ส่วนครั้งที่สองพุ่งขึ้นกว่า 28.70 เท่า

อย่างไรก็ตามนอกจากการวิเคราะห์เหล่านี้แล้วก็มีงานวิจัยจากบริษัทสตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญด้านการดำเนินการอัลกอริทึมการเทรดคริปโตจาก Strix Leviathanได้วิเคราะห์เหตุการณ์ Halving 32 ครั้งของเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี 24 เหรียญเปรียบเทียบกับมาตรฐานตลาดโดยรวมแล้วพบว่า

“เราไม่พบหลักฐานว่าเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่เกิดการ Halving นั้นมีราคาพุ่งสูงในตลาดใหญ่ก่อนและหลังจากการลดรางวัลการขุด แม้การวิเคราะห์ต่าง ๆ จะฟังดูมีตรรกะแต่ราคาขาขึ้นในแต่ละครั้งจริง ๆ แล้วมันเกิดจากการเก็งกำไรของสินทรัพย์คริปโตนั้น ๆ มากกว่า”

อีกทั้งข้อมูลที่ผ่านมาของคริปโตเคอร์เรนซีก็มีน้อยมากเกี่ยวกับการ Halving เพราะฉะนั้นการ Halving นั้นมีผลกระทบต่อราคา Bitcoin อย่างไรก็ดูยังไม่แน่ชัด

และเมื่อมองดูจากภาพเศรษฐกิจขนาดใหญ่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ลดจำนวน Bitcoin ลงมันก็ทำให้ราคาสูงขึ้นอยู่แล้วตามหลักเศรษฐศาสตร์

อย่างไรก็ตามหลังจากข่าวแพลตฟอร์ม Bakkt นั้นให้บริการเทรดฟิวเจอร์ Bitcoin และ VanEck/SolidX ให้บริการซื้อขายกองทุน Bitcoin ETF กับนักลงทุนสถาบันแล้ว ราคา Bitcoin ก็มีสัญญาณว่าจะพุ่งขึ้นในระยะยาว

ที่มา : cryptoslate

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น