ในช่วงสุดสัปดาห์นี้วอลุ่มการขุด Bitcoin จะลดลงเหลือเพียง 3 ล้านเหรียญเท่านั้นและนั่นคือหลังจากที่ 18,000,000 BTC เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่การหมุนเวียน ซึ่งมันเหลือเวลาอีกเพียง 3 วัน โดยนี่จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับ Bitcoin ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ halving ในปี 2020
Bitcoin network ใช้เวลานานกว่า 10 ปีเพื่อให้ขุดเหรียญขึ้นมาทั้งหมด 85.7% ของอุปทานที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งมันเป็นระยะเวลาที่รวดเร็วอย่างมาก หากเปรียบเทียบกับอีก 120 ปีข้างหน้าก่อนที่จะมี การขุด Bitcoin ครบ 21 ล้านเหรียญ
แรงขุดของเครือข่ายยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความสำเร็จครั้งใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้ใครหลาย ๆ คนในชุมชนต่างก็สงสัยกันว่า ในอนาคตจะเป็นอย่างไรสำหรับคริปโตเคอเรนซี่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ความยาก (difficulty) ในการขุดจะยากเกินไปหรือไม่ ? และรางวัลบล็อก (block rewards) จะต่ำเกินไปหรือไม่ ? สำหรับการจูงใจให้เหล่านักขุดมุ่งมั่นที่จะขุด Bitcoin ต่อไป
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการตอบคำถามเหล่านั้น แต่ในขณะเดียวกันแรงขุดของเครือข่าย (network hashrate) นั้นกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และการขุดก็เริ่มมีการแข่งขันกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
นับตั้งแต่ที่แรงขุดพุ่งแตะระดับที่สูงที่สุดตลอดกาลที่ 108.5 ล้าน TH / s เมื่อวันที่ 26 ก.ย. อ้างอิงจากสยามบล็อกเชนที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้แล้วว่า แรงขุดบนเครือข่ายส่วนใหญ่ยังคงอยู่เหนือระดับ 100 ล้าน TH / s ซึ่งนั่นเพิ่มขึ้นมากว่า 150% เมื่อเทียบกับแรงขุดทั้งหมด 42 ล้าน TH / s ในวันที่ 1 มกราคม 2019
แรงขุดที่เพิ่มสูงขึ้นได้แสดงให้เห็นถึงกิจกรรมการขุดที่เพิ่มมากขึ้นและพลังการประมวลผลในเครือข่าย Bitcoin ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น สำหรับสาเหตุหลัก ๆ ที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นมาในครั้งนี้มันยากที่จะระบุได้ชัดเจน แต่การพิจารณาโดยใช้หลักการเคลื่อนไหวของตลาด (market dynamics) และปัจจัยอื่น ๆ นั่นอาจเป็นไปได้ว่าแรงขุดที่พุ่งสูงขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการมาของเครื่องขุดรุ่นใหม่
การมาของเครื่องขุดใหม่
ตามที่สยามบล็อกเชนได้รายงานไปเมื่อเดือนที่แล้วว่า Bitmain ได้มีการประกาศเปิดตัวเครื่องขุด Bitcoin รุ่นใหม่ ที่มีแรงขุดมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เนื่องจากเหตุการณ์ Halving ที่กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนพฤษภาคม 2020 นั่นทำให้นักขุดได้รางวัลจากการขุดลดลงถึง 50% จากอัตราปัจจุบันที่ 12.5 BTC ต่อบล็อก สิ่งนี้หมายความว่าการขุด Bitcoin จะมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต ปล่อยให้นักขุดที่อ่อนแอและเครื่องขุดรุ่นเก่าค่อย ๆ ตายลงอย่างช้า ๆ
ผู้คนต่างพากันสงสัยว่ากลไก Proof of Work consensus นั่นจะเป็นจุดแตกหักที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และ Bitcoin เหรียญสุดท้ายจะไม่ถูกขุดขึ้นมาเพราะนักขุดทุกคนในเครือข่ายจะหมดแรงจูงใจในการขุดไปเสียก่อน
The Proof of Work will not be that sustainable. Miners will turn to mine altcoins for more reasonable cost and rewards. Finally, POW cryptos will be more and more centralized and fading down. Proof of Stake is the future. That is evolution.
— Idea Nakamoto (@IdeaNakamoto) October 14, 2019
แต่ถึงกระนั้นข้อกังวลเหล่านี้อาจพูดเกินจริงไปซักหน่อย เพราะเมื่อมีเหตุการณ์ halving เกิดขึ้นผู้คนต่างก็หลั่งไหลเข้ามากันเก็งกำไรเช่นเดียวกับปี 2016 ซึ่งคาดว่าเหตุการณ์ halving ในปี 2020 มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน อย่างไรก็ตามข้อกังวลเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์แล้ว ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าแรงขุดบนเครือข่าย Bitcoin นั้นแข็งแกร่งกว่าที่เคยมีมา
อย่างไรก็ตาม Bitcoin จะต้องแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ยั่งยืนหลังจากเหตุการณ์ halving ในปี 2020 เพื่อให้การขุดสามารถทำกำไรและดำเนินงานต่อไปได้ ซึ่งนั่นจะเป็นจุด tipping point ในอนาคต แม้มันดูเหมือนจะไม่น่าจะเป็นไปได้ก็ตาม
ที่มา : beincrypto.com
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น