จากการที่ราคา Bitcoin พุ่งทะยานอย่างรุนแรงในวันนี้ สังคมคงเห็นแล้วว่าราคาคริปโตเคอร์เรนซีนั้นมีความผันผวนมากเพียงใด จากที่ก่อนหน้านี้ราคา Bitcoin ทำการสะสมตัวที่ระดับราคา 8,000 ดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนกันยายนและเทรดกันอยู่ที่ประมาณ 7,300 ดอลลาร์ในช่วงสามวันที่ผ่านมา จากนั้นก็พุ่งอย่างรุนแรงใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาโดยมันเทรดกันอยู่ที่ 10,350 ดอลลาร์บนเว็บเทรด Bitstamp
ทำให้นักเทรด นักวิเคราะห์ที่ได้ทำนายว่า Bitcoin กำลังเผชิญกับขาลงครั้งใหญ่เพราะมันเผยสัญญาณ “Death Cross” บนกราฟที่ทำให้ Bitcoin ร่วงไปที่ระดับราคา 6,000 ดอลลาร์ก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นมาได้จะต้องแปลกใจไปตาม ๆ กัน แต่มันถือเป็นเรื่องปกติสำหรับ Bitcoin มาก และดูเหมือนมันจะไม่สนใจสัญญาณ Death Cross อะไรเลย
ในขณะที่รายงานข่าวอยู่นี้ราคา Bitcoin นั้นเทรดกันอยู่ที่ 9,258.63 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมา 22.78 เปอร์เซ็นต์ อ้างอิงจากกราฟของ Coinmarketcap ทำให้มูลค่าตลาดรวมของคริปโตเคอร์เรนซีไปพุ่งแตะ 250 พันล้านดอลลาร์
สำหรับนักเทรดรายวันและนักลงทุนสาย Hodl คงจะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin แต่หลาย ๆ คนก็คงจะสงสัยไม่น้อยว่ามันเป็นไปได้อย่างไรที่ราคามันจะพุ่งจาก 7,300 ดอลลาร์มาแตะ 10,350 ดอลลาร์และมันเกิดจากอะไรกันแน่ บทความนี้เราจะมาวิเคราะห์สาเหตุที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นของราคานี้กัน
ประเทศจีน
จากรายงานก่อนหน้านี้ของทางสยามบล็อกเชนได้เปิดเผยว่าประธานาธิบดีสี จิ้งผิงประกาศประชุมด้าน Blockchain กับพรรคคอมมิวนิสต์พร้อมผลักดันให้ประเทศจีนเป็นผู้นำด้าน Blockchain จากนั้นราคามันก็พุ่ง
มันทำให้พิจารณาได้เลยว่าประเทศจีนนั้นมีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อตลาดคริปโต หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 2013 ช่องข่าว CCTV ของจีนนั้นได้พูดถึง Bitcoin เป็นครั้งแรก และราคาของ Bitcoin มันก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว พุ่งจาก 150 ดอลลาร์มาแตะที่ 1,180 ดอลลาร์ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2013
เมื่อวานนี้ก็ได้มีการจัดประชุมครั้งที่ 18 ของที่ทำการพรรคการเมืองของคณะกรรมการกลางที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ออกมาแสดงการสนับสนุนเทคโนโลยี Blockchain อย่างเต็มที่พร้อมยังผลักดันให้ประเทศลงทุนในอุตสาหกรรมด้าน Blockchain มากขึ้นเพราะได้มองเห็นประโยชน์จากเทคโนโลยีแล้ว
ความเคลื่อนไหวของประเทศจีนนั้นแตกต่างจากสหรัฐอเมริกาเพราะในตอนนี้สภาคองเกรสกำลังพิจารณาอย่างหนักในประเด็นเรื่องของเหรียญ Libra และมันอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคา Bitcoin ร่วงมาแตะ 7,300 ดอลลาร์
12 hours after the major "Xi Pump"
1. "Blockchain" headlined on People's Daily print version today
2. Top Universities in China start "Blockchain" course offering overnight
3. Expect to see massive blockchain initiatives from local municipal soonThe ripple effect is strong pic.twitter.com/2E2Be6RHol
— Dovey Wan ? ? (@DoveyWan) October 26, 2019
เจ้ามือทำการปั่นตลาดตลอดช่วงสุดสัปดาห์
เนื่องจากตลาดคริปโตมันค่อนข้างที่จะทำนายได้ยาก จนอาจมองได้ว่าการที่ราคา BTC พุ่งล่าสุดมาจากประธานาธิบดีจีนออกมาสนับสนุน Blockchain แต่บางคนอาจคิดว่าปัจจัยเพียงเท่านี้มันยังไม่พอ
เป็นไปได้ว่าเจ้ามืออาจหาช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อเข้ามาปั่นตลาดตามที่ตนเองต้องการ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าหลาย ๆ ครั้งที่ราคา Bitcoin มันเคลื่อนไหว มันจะเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ระหว่างที่นักเทรดกำลังไปเที่ยว สัญญาฟิวเจอร์ของ CME ปิดทำการ ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่จะปั่นตลาดได้ง่าย
จนกระทั่งมีนักวิเคราะห์รายหนึ่งที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า Looposhi ที่ได้ออกมาโพสต์ว่า Bitcoin จะร่วงไปแตะจุด bottom ในวันที่ 24 ตุลาคม ลองดูเวลาที่เขาทวีตโพสต์จะเห็นว่ามันโพสต์นานมากแล้วตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมต้นปี มันเหมือนกับเขารู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
BITCOIN BOTTOM 24 OCT 2019
— Looposhi (@22loops) January 4, 2019
ชายผู้อยู่เบื้องหลังหน้ากาก
นอกจากว่าเจ้ามืออาจทำการปั่นตลาดได้แล้ว ยังมีนักวิเคราะห์ที่ไม่เปิดเผยชื่อ 4Chan ได้ออกมาทำนายราคาที่แทบจะถูกต้องหมดตั้งแต่ช่วงที่ตลาด Bitcoin อยู่ในช่วงขาลงปี 2018 เขาก็ได้ทำนายจุด Bottom ได้ถูกต้องแม่นยำมาก
การทำนายราคาของเขาแม่นยำมากจนนาย Edward Snowden ต้องโพสต์ทวีตรูปตัวการ์ตูนหน้าตาเจ้าเล่ห์คนนี้ ซึ่งเป็นรูปโปรไฟล์ของนักวิเคราะห์ปริศนา 4Chan
เราไม่อาจรู้ได้ว่าการทำนายของ 4Chan นั้นจะเป็นจริงหรือไม่และคำทำนายที่จะถึงของเขาคือราคา Bitcoin จะพุ่งไปแตะ 16,000 ดอลลาร์ในเดือนตุลาคม ซึ่งเหลืออีกเพียง 5 วันก็จะสิ้นเดือนแล้วเราก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่ามันจะพุ่งแตะที่ 16,000 ดอลลาร์ได้จริงหรือไม่
ที่มา : cryptopotato
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น