<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เว็บเทรดคริปโต Binance เปิดให้ซื้อ Ethereum, XRP, BNB ได้ด้วยบัตรเครดิตแล้ว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เว็บเทรด Binance ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่โดยให้นักลงทุนนั้นสามารถนำบัตรเครดิต Visaในการจ่ายเงินเพื่อซื้อสกุลเงินดิจิตอลได้ ซึ่งทางเว็บไซต์จะเปิดเหรียญสกุลเงินดิจิตอลจำนวนมากสำหรับการซื้อในช่องทางดังกล่าว เช่นเหรียญ Bitcoin, Ethereum, XRP, BNB โดยที่ก่อนอื่นนักลงทุนจะต้องเชื่อมบัตรเครดิตของตนเข้ากับบัญชีใน Binance ซะก่อน

เว็บเทรดดิ้งแพลตฟอร์ม Binance เป็นเว็บเทรดคริปโตชื่อดังที่มีซีอีโอชื่อนาย Changpeng Zhao ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมสยามบลอคเชนเพิ่งรายงานไปว่าทาง  Binance ได้มีการลงทุนกับแพลตฟอร์มซื้อขายล่วงหน้า (Future) เพิ่มอีกครั้งแล้ว ซึ่งครั้งนี้เป็นการลงทุนกับแพลตฟอร์มซื้อขายล่วงหน้าอย่าง FTX โดยเป็นการร่วมมือเชิงกลยุทธ์สำหรับทั้งสองบริษัท

“การลงทุนครั้งนี้จะทำให้แพลตฟอร์ม FTX นั้นเติบโตขึ้นไปอีก ซึ่ง Binance จะมีการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์กับ FTX ส่วนการดำเนินการของบริษัท FTX นั้นก็ยังคงเป็นอิสระอยู่ไม่ได้ถูกกำกับดูแลโดย Binance แต่อย่างใด” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ FTX นาย Sam Bankman-Fried กล่าว

ส่วนทาง FTX นั้นจะช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Binance โดยเฉพาะกระดานเทรด Binance.com และโต๊ะเทรด OTC (over-the-counter) ซึ่งทาง FTX ยังประกาศด้วยว่าวางแผนที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ส่งเสริมระบบนิเวศแบบ Tokenized ซึ่งเป็นโปรเจ็คที่คาดว่าจะสร้างที่มอลต้าซึ่ง Binance ก็จะร่วมเข้าช่วยด้วย

ส่วนในเรื่องของการอัพเดท Visa ครั้งนี้ทางทีมงานของเว็บ Binance ประกาศไว้ว่า

“ทาง Binance จะเปิดให้นักลงทุนสามารถเชื่อมบัตร Visa กับบัญชีของพวกเขาเพื่อที่จะสามารถซื้อสกุลเงินดิจิตอลผ่านช่องทางดังกล่าวได้โดยตรงในเว็บ Binance.com เลย ผู้ใช้สามารถใช้บริการนี้ได้ผ่านปุ่ม ‘Buy Crypto’ และเลือกปริมาณ EUR หรือ GBP ที่จะใช้ หลังจากนั้นกด ‘Next’ และเลือก ‘Add Card’ เพื่อจะผูกบัตรกับบัญชี ”

บริการดังกล่าวถือเป็นนโยบายชูโรงสำหรับ Binance แต่ถึงอย่างไรก็ตามปัจจุบันบริการดังกล่าวยังจำกัดอยู่แค่บัตรเครดิตและเดบิตของ VISA ที่ ‘ออกภายในพื้นที่เศรษฐกิจทวีปยุโรป’ เท่านั้น แต่ทาง Binance ยืนยันว่าในอนาคตจะเพิ่มให้มีการจ่ายโดยใช้บัตรของ Mastercard และเพิ่มสกุลเงินดิจิตอลที่ร่วมรายการ

ซึ่งในตอนนี้ประเทศพื้นที่ออกบัตร VISA ที่อยู่ในเงื่อนไขของ Binance คือสหราชอาณาจักร, มอลตา, โรมาเนีย, สเปน, ไอซ์แลนด์, สโลวีเนีย, ลิกเตนสไตน์, นอร์เวย์, โครเอเชีย, ไซปรัส, สาธารณรัฐเชค, เนเธอแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมันนี, โปแลนด์, สวีเดน, เบลเยียม, ออสเตรีย, บัลแกเรีย, เดนมาร์ก, เอสโตเนีย, กรีซ, ฮังการี, ฟินแลนด์, ไอร์แลนด์, ลัตเวีย

ในด้านข่าวอื่นๆ ทางนาย Changpeng Zhao ได้ออกมาแสดงความเห็นของเขาว่าในปี 2020 นี้ เราจะได้เห็นรัฐบาลในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกเริ่มตบเท้ากันเข้ามาในวงการ cryptocurrency และ Blockchain กันมากขึ้น รัฐบาลนั้นจะริเริ่มการทดลองในหลาย ๆ รูปแบบที่แตกต่างกันออกไปในปีหน้า และไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นแบบไหน แต่ที่รู้ ๆ คือมันจะส่งผลด้านบวกต่อวงการคริปโตในวงกว้างอย่างแน่นอน

“ผมคิดว่าในปี 2020 นี้ พวกเราจะได้เห็นการทดสอบหลาย ๆ อย่างโดยรัฐบาลทั่วโลก บางประเทศอาจจะทำ บางประเทศอาจจะไม่ แต่โดยรวมแล้ว มันจะส่งผลกระทบด้านบวกต่อการปรับตัวใช้คริปโตของคนทั่วโลกแน่นอน”

ถ้าหาก cryptocurrency นั้นเป็นตัวดึงดูดความสนใจให้คนเข้ามาในตลาด Blockchain นั้นก็เป็นตัวดึงดูดการพัฒนาและกรณีการใช้ใหม่ ๆ อ้างอิงจากนาย CZ แต่อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่ออินเตอร์เนท และเมื่ออุตสาหกรรมคริปโตและ Blockchain นั้นเติบโตจนมีขนาดใหญ่แล้ว ราคาของเหรียญแต่ละเหรียญก็จะโตตามด้วยเช่นกัน

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น