<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ราคา Bitcoin เพิ่งกลับมาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงต้นปี 2020

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บทความการวิเคราะห์สภาพตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเผยแพร่จาก Cointelegraph นั้นได้ออกมาวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่จะทำให้ราคา Bitcoin นั้นพุ่งทะยานต่อไปในปี 2020 นี้ซึ่งก็ได้มีประเด็นที่น่าสนใจผู้เขียนได้รวบรวมเอาไว้ในบทความนี้

ตลาดในตอนนี้ราคา Bitcoin มีมูลค่าลดลงใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ในปี 2020 นี้มีเหตุการณ์หลายประการด้วยกันที่จะทำให้ราคา Bitcoin นั้นเพิ่มขึ้น อย่างที่เราเห็นกันว่าจากที่ราคา Bitcoin ทำจุดสูงสุดในปี 2017 แตะระดับราคา 20,000 ดอลลาร์หลังจากนั้นมันก็ไม่สามารถทะยานไปที่ระดับราคานั้นได้อีกเลย ในปี 2018 นั้นก็เป็นช่วงตลาดขาลงตลอดทั้งปีจนถึงเริ่มต้นปี 2019 จนทำให้นักเทรดหลายคนนั้นคาดหวังที่จะเห็นตลาดขาขึ้นของมันอีกครั้ง

ในปี 2019 ที่ผ่านมาถือเป็นอีกปีที่ราคา Bitcoin นั้นมีความผันผวนสูงมาก อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงมีราคามากกว่าปี 2018 อยู่เกือบ 95% เนื่องจากช่วงปี 2018 ราคา Bitcoin มันยังคงอยู่ที่ 3,700 ดอลลาร์เท่านั้น ส่วนช่วงท้ายปี 2019 Bitcoin เทรดกันที่ระดับราคา 7,400 ดอลลาร์

จนกระทั่งมาถึงปี 2020 นี้ราคา Bitcoin เปิดราคาได้ค่อนข้างน่าจะประทับใจเพราะมันได้เทรดเหนือระดับราคา 8,000 ดอลลาร์ได้ จนกระทั่งมันสามารถทะลุระดับแนวต้านสำคัญที่ 9,100 ดอลลาร์ได้ แต่หลังจากนั้นในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาขณะที่เขียนบทความชิ้นนี้อยู่ราคา Bitcoin กลับร่วงมากกว่า 4 เปอร์เซ็นต์าที่ระดับราคา 8,600 ดอลลาร์หลังจากการเทขายกว่า 100 ล้านดอลลาร์ภายใน 10 นาทีซึ่งก็ทำให้นักเทรดมองว่าที่ระดับราคาปัจจุบัน 8,600 ดอลลาร์นี้คือระดับที่ Bitcoin ต้องรักษาไว้ให้ได้เพื่อที่จะทำให้มันสามารถพุ่งทะยานต่อไป

ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ตลาดคริปโตในปี 2020 นั้นเติบโต

จากบทความวิเคราะห์ส่วนหนึ่งที่ได้ดึงข้อมูลมาจากแหล่งข่าว Cointelegraph นั้นมองว่าปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเติบโตมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในปี 2020 ซึ่งมีดังนี้

รัฐบาลจีน

ปีที่แล้วประมาณช่วงเดือนตุลาคมรัฐบาลจีนได้ประกาศสนับสนุนเทคโนโลยีบล็อกเชนภายในประเทศ ซึ่งช่วงนั้นทำให้ราคา Bitcoin ได้พุ่งทะยานจนเกือบแตะ 13,000 ดอลลาร์ แต่ก็อยู่ได้ไม่นานก็กลับมาเทรดกันแถวๆ ระดับราคา 7,000 ดอลลาร์อีกครั้ง ซึ่งจีนเองก็ได้ประกาศพัฒนาเหรียญดิจิทัลหยวนของตนเองและคาดว่าจะเปิดตัวมาในปี 2020 นี้แต่ก็ยังไม่ได้ระบุวันเวลาออกมาชัดเจนแต่อย่างใด

โดยเหรียญดิจิทัลหยวนของจีนนั้นจะเป็นรูปแบบของเงินหยวนที่นำมาทำเป็นเงินดิจิทัลซึ่งจะได้รับการหนุนจากธนาคารกลางของจีน People’s Bank of China ซึ่งการที่จีนได้ออกมาสนับสนุนเทคโนโลยีนั้นก็ถือเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดคริปโตได้ด้วยเช่นกัน

มีการนำคริปโตไปใช้มากขึ้น

ปี 2020 นี้มีการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตเคอร์เรนซีไปใช้เพิ่มมากขึ้น เช่นในกรณีของ JP Morgan นั้นก็กำลังสร้างและเตรียมเปิดตัวเหรียญ Stablecoin ของตนเองมา นอกจากนี้บุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง Akon แรปเปอร์ชื่อดังก็ได้รับอนุญาตให้สร้างเมืองคริปโตเป็นของตัวเองแล้ว โดยเมืองของเขาจะตั้งอยู่ในประเทศเซเนกัล ทวีปแอฟริกาและมีชื่อว่า Akon City เช่นเดียวกับผู้ก่อตั้งและในเมืองนี้จะมีเหรียญคริปโตที่มีชื่อว่าเหรียญ Akoin เพื่อใช้แลกเปลี่ยนกันภายในเมืองด้วย ซึ่งความเคลื่อนไหวต่างๆ นี้มันบ่งบอกได้ว่าคริปโตเคอร์เรนซีถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นและมันจะทำให้ตลาดเติบโตมากขึ้นและจะยิ่งส่งผลดีต่อราคาคริปโตต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Bitcoin

การ Halving

อีกปัจจัยหนึ่งที่จะละเลยไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือการ ​Halving ที่เป็นการลดอัตราเฟ้อของ Bitcoin ที่หมุนเวียนในระบบลง ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าเพราะเหตุการณ์นี้จะยิ่งทำให้ราคา Bitcoin พุ่งทะยานอีกหลายเท่าตัว นอกจากที่กล่าวไปข้างต้นแล้วยังมีตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ ด้วย เช่น Moving Average (MA), Altman Model (Z-score) และ Reserve Risk ที่นักวิเคราะห์ได้ออกมาชี้ว่าข้อมูลตัวชี้วัดทางเทคนิคเหล่านี้จะทำให้ราคา Bitcoin พุ่งหลังจากการ Halving อีกด้วย

ทีม Libra

ช่วงปี 2019 มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นอีกประการหนึ่งคือการที่ Facebook ได้ออกมาประกาศสร้างเหรียญ Libra ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin ถูกหนุนด้วยตระกร้าสกุลเงินต่างๆ แต่โปรเจ็คนี้ก็ยังไม่สามารถเปิดตัวให้ใช้งานได้เพราะเผชิญอุปสรรคกับข้อกฎหมายและภาครัฐ อย่างไรก็ตามเมื่อประกาศจากบริษัทโซเชียลยักษ์ใหญ่ได้ออกมาพัฒนาเหรียญคริปโตของตนเองก็ทำให้คนเริ่มศึกษาเกี่ยวกับคริปโตและบล็อกเชนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

แม้จะมีอุปสรรคดังกล่าวแต่ทีมงานของ Libra Association ก็ไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวล่าสุดนั้นทางด้านของ Libra และสมาชิกได้มีการประกาศแต่งตั้ง คณะกรรมการกำกับดูแลด้านเทคนิค โดยจะประกอบไปด้วยสมาชิกห้าคนซึ่งมีหน้าที่ที่จะดูแลการพัฒนาทางเทคนิคของโครงการหลังจากนี้

 

โดยภาพรวมสภาพตลาดคนยังคงมองบวกอยู่แม้ว่าราคาจะร่วงลง ทั้งนี้ในเวลาที่เขียนบทความ Bitcoin นั้นเทรดกันอยู่ที่ระดับราคา 8,673 ดอลลาร์

ที่มา : cointelegraph

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น