<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ตลาด Bitcoin กำลังเต็มไปด้วยความกลัว ประวัติศาสตร์เผยให้เห็นว่านี่คือโอกาสสำคัญ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในช่วงเวลาสามวันที่ผ่านมานั้นเป็นช่วงที่ตลาดคริปโคนั้นต้องพบกับช่วงขาลงอย่างเฉียบพลัน ซึ่งเห็นได้ชัดจากปริมาณมูลค่ารวมของตลาดที่ปกตินั้นอยู่ในช่วง 2.64 แสนล้านดอลลาร์นั้นร่วงลงมาอยู่ที่ 2.23 แสนล้าน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในอัตราดังกล่าวนั้นคิดเป็นการลดลงของมูลค่าถึง 15% เลยทีเดียว ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจเป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญที่กำลังบอกว่าช่วงขาขึ้นของตลาดคริปโตนั้นได้จบลงแล้วก็เป็นได้

เมื่อระดับราคาของสกุลเงินคริปโตต่างๆนั้นเปลี่ยนแปลง ความรู้สึกของผู้คนในตลาดก็ได้เริ่มอ่อนไหวไปตามกับกระแสการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอีกด้วย โดยทาง Santimentfeed เป็นแหล่งข้อมูลที่มุ่งเป้าไปที่การเก็บข้อมูลด้านสถิติในตลาดเพื่อแสดงถึงทิศทางความรู้สึกของสาธารณชน จากแหล่งต่างๆไม่ว่าจะเป็น Telegram, Reddit, Twitter, Discord หรือแม้แต่ช่องทางการสื่อสารอื่นๆของเหล่ายนักลงทุนมืออาชีพ

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดในช่วงนี้จากทาง Santimentfeed นั้นได้แสดงให้เห็นว่าคำศัพท์สำคัญซึ่งมีปริมาณการใช้งานบนแพลตฟอร์มโซเชี่ยลมิเดียต่างๆนั้นได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กล่าวคือมีการใช้งานคำอย่างเช่นคำว่า “sell”, “selling” หรือแม้แต่คำว่า “sold” มากขึ้นอย่างมาก แสดงถึงความรู้สึกในแง่ลบของผู้คนในตลาดอย่างมาก ซึ่งกรณีนั้นมีปริมาณการใช้งานคำในลักษณะนี้อย่างมากมาก่อนแล้วในช่วงเดืนอพฤศจิกายนของปี 2019 ซึ่งราคานั้นได้ลดลงมากถึง 1,000 ดอลลาร์ภายในไม่กี่ชั่วโมงนั่นเอง

นอกจากนี้แล้วอีกหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญถึงความรู้สึกของผู้คนในตลาดนั้นคือมาตรวัตความกลัวและความโลภหรือ Fear & Greed Index นั่นเอง โดยตัวชี้วัดดังกล่าวนี้ได้มีลักษณะการเก็บข้อมูลที่คล้ายคลึงกับ Santimentfeed แต่ได้มีการนำปริมาณการซื้อขายในตลาด อัตราความผันผวนของราคา การทำแบบสอบถาม รวมถึงการนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้านอื่นๆมาใช้งานเพื่อเป็นการประมวลผลถึงทิศทางความรู้สึกของผู้คนในตลาดอีกด้วย 

มาตรวัดดังกล่าวนั้นได้แบ่งระดับความรู้สึกออกเป็นระดับตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 100 โดยตัวเลขในช่วงตั้งแต่ระดับต่ำสุดนั้นแสดงถึงความกลัวสุดขีดที่เกิดขึ้นในตลาดและตัวเลขในระดับสูงสุดนั้นแสดงถึงความโลภสุดขีดที่เกิดขึ้นในตลาด โดยในช่วงสัปดาห์ก่อนนั้นระดับของดัชนีดังกล่าวนั้นยังอยู่ในช่วง 50 หรือเรียกได้ว่าเป็นจุดกึ่งกลางของตลาดนั่นเอง แต่ในช่วงเวบลาก่อนหน้าการร่วงลงของราคาไม่นานนั้นระดังดังกล่าวนั้นได้อยู่ที่ 37 ก่อนที่จะร่วงลงมาที่ระดับ 17 หลังเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่งระดับนี้เป็นระดับที่แสดงถึงความกลัวอย่างมากของตลาดอีกด้วย

อย่างไรก็ตามความรู้สึกของผู้คนในตลาดนั้นไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อระดับราคาของสกุลเงินคริปโตเสมอไป อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมานั้นหลายครั้งระดับราคาของเหรียญคริปโตก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงสวนทางกับความรู้สึกของตลาด อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมปีก่อนซึ่งมีการซื้อขาย Bitcoin กันอยู่ในระดับที่ 6,500 ดอลลาร์ ดัชนีความกลัวและความโลภนั้นได้แสดงถึงความกลัวอย่างมากในตลาด แต่ราคาของเหรียญดังกล่าวนั้นกลับเพิ่มขึ้นมากถึง 1,000 ดอลลาร์นั่นเอง

ดังนั้นแล้วเราจึงควรที่จะพิจารณาถึงปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องกลับการเปลี่ยนแปลงของราคาประกอบกับการติดตามข่าวสารในวงการเพื่อที่จะไม่พลาดโอกาสสำคัญในตลาดคริปโต โดยเมื่อพิจารณาข้อมูลจากทาง Santimantfeed จะพบว่าในช่วงที่ผู้คนต่างมีความกลัวอย่างมากนั้น ราคาของสินทรัพย์คริปโตนั้นมักจะกลับตัวขึ้นมาในทางตรงกันข้าม ซึ่งตรงกับคำกล่าวของ Warren Buffet ซึ่งได้แนะให้เราควรที่จะโลภในช่วงเวลาที่ผู้คนนั้นตื่นกลัวนั่นเอง 

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น