<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

5 เหรียญ Altcoin ที่คาดว่าจะฟื้นตัวเร็วสุด หลังช่วงวิกฤตสิ้นสุดลง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่ายังคงน่าเป็นห่วง โดยมีรายงานว่าพบผู้ป่วยหลายพันรายในทวีปยุโรป , เอเชียไม่เว้นแม้แต่สหรัฐอเมริกา

สิ่งนี้ได้ส่งกระทบต่อตลาดการเงินและตลาดหุ้นแบบดั้งเดิมอย่างมาก ดัชนีหุ้นที่สำคัญ ๆ ของโลกได้ร่วงลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2008

เช่นเดียวกับตลาดคริปโตที่ไม่ได้รับข้อยกเว้น ในช่วงเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือนมูลค่าของตลาดคริปโตโดยรวมร่วงลดลงกว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ และในช่วง 30 วันที่ผ่านมาราคาของเหรียญคริปโตเบอร์หนึ่งของโลกก็ได้ร่วงลงกว่า 50% โดยในช่วงเวลาเพียงแค่วันเดียวราคา Bitcoin ได้ร่วงลดลงถึง 40% 

อย่างไรก็ตามบางคนมองว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นอาจช่วยให้เราสร้างโอกาสได้เช่นกัน เพราะโดยปกติแล้วเมื่อ Bitcoin มีมูลค่าร่วงลดลงในช่วงที่มีสถานการณ์ไม่แน่นอนเกิดขึ้น ตลาดมักจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างน่าประทับใจเสมอ ดังนั้นแล้วในบทความนี้เราจะมาแนะนำเหรียญ altcoin บางตัวที่น่าสนใจในช่วงเวลานี้

DASH

เหรียญ DASH ได้พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ระดับ 158 ดอลลาร์ในช่วงเดือนธันวาคม 2018 แต่เช่นเดียวกับเหรียญ altcoins ตัวอื่น ๆ ราคาของมันได้ร่วงลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2019 ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัว ในปี 2020 โดย DASH ได้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ประมาณ 133 เหรียญดอลลาร์ก่อนที่ตลาดจะเผชิญกับวิกฤต

โดยปกติแล้วหลังจากที่ราคาของมันพุ่งสูงขึ้นแตะจุดสูงสุดของทุกปี DASH มักจะมีมูลค่าที่ลดลงกว่า 50% เสมอ ซึ่งปัจจุบัน DASH มีการซื้อขายกันอยู่ที่ประมาณ $ 45  และนั่นหมายความว่า DASH ยังคงมีพื้นที่ว่างสำหรับการเติบโตได้อีกมาก

DASH อาจเป็นเหรียญคริปโตที่น่าสนใจมากที่สุด เพราะมันมุ่งเน้นในเรื่องของความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก ซึ่งในช่วงที่เกิดขึ้นการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่า ผู้คนเริ่มกังวลอย่างมากว่าบางประเทศอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชนและเพื่อติดตามโทรศัพท์มือถือของพวกเขา ดังนั้นแล้วผู้คนอาจต้องการควบคุมความเป็นส่วนตัวของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ รวมถึงเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งนั่นอาจทำให้ราคาของเหรียญ DASH พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงหลังจากนี้

Binance Coin

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า Binance เป็นเว็ปเทรดคริปโตอันดับหนึ่งของโลกในแง่ของวอลุ่มในการซื้อขายและความน่าเชื่อถือของมัน 

ไม่เพียงแค่นี้ Binance ยังได้เปิดตัว Binance Futures ที่มีวอลุ่มการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานแพลตฟอร์มนี้จะกลายเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขาย Crypto Future เบอร์หนึ่งของโลก และสิ่งนี้จะส่งผลต่ออนาคตที่สดใสของ Binance Coin ในระยะยาว

ในมุมมองทางด้านเทคนิค BNB ค่อนข้างมีเสถียรภาพมากกว่า Bitcoin โดยราคาของมันได้ร่วงลดลงเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้และให้ผลตอบแทนที่มั่นคงสม่ำเสมอ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคง เมื่อวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสผ่านพ้นไป

WazirX (WRX)

WRX เป็นโทเค็นของเว็ปเทรด WazirX โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พวกเขาได้เปิดให้มีการระดมทุน IEO ผ่านทาง Binance Launchpad และยังเป็นโปรเจคคริปโตตัวแรกของ Binance ที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้สูงถึง 600% อีกด้วย

สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องทราบว่า WazirX นั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น Bitcoin ของอินเดีย และนี่คือหนึ่งในประเทศที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในโลก โดยเมื่อไม่นานมานี้ศาลฎีกาของประเทศได้ยกเลิกคำสั่งห้ามไม่ให้ธนาคารยุ่งกับคริปโตและมันอาจจะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อโปรเจคในอินเดียอย่างเช่น WRX

นอกจากนี้ Binance ยังได้ให้การสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่และเปิดตัวกองทุนด้าน Blockchain ในอินเดียที่มีมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านบาท สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยผลักดันทำให้โปรเจคคริปโตในอินเดียและเหรียญ WRX มีราคาเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต

Tezos (XTZ)

Tezos เป็นเหรียญ altcoin ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในปี 2020 จนกระทั่งเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยนักลงทุนจำนวนมากมองว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะซื้อเหรียญ XTZ ในราคาที่ลดลงอย่างรุนแรง โดยเหรียญ XTZ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับราคาที่ต่ำกว่า $ 4 เล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก $ 1.3 ในช่วงต้นปี

การร่วงลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ส่งผลให้ราคากลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง เนื่องจาก XTZ มีการซื้อขายอยู่ที่ $ 1.4 ในปัจจุบัน แต่ถึงกระนั้นมันยังคงรักษาตำแหน่ง cryptocurrency อันดับที่ 10 ไว้ได้อย่างดี

Tezos ได้เปิดใช้งาน Carthage ในเดือนนี้ ซึ่งเป็นการอัพเกรดโปรโตคอลครั้งที่สาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดจำกัด Gas ของผู้ใช้งาน สิ่งนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้รายใหม่สามารถดำเนินการเพิ่มจำนวนสัญญา smart contract ได้มากขึ้น และช่วยขยายขีดความสามารถของเครือข่ายให้ดีมากยิ่งขึ้น ดังนั้นแล้วเมื่อวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าผ่านพ้นไป XTZ ก็มีแนวโน้มที่จะเดินหน้าเต็มกำลังไปสู่ระดับราคาที่สูงขึ้น

Ethereum 

Ethereum ได้ครองตำแหน่งเหรียญ cryptocurrency ที่ใหญ่เป็นอันดับสองมาเป็นเวลานานหลายปี และที่เป็นเช่นนั้นได้ก็เพราะ มันเป็นเครือข่ายการกระจายอำนาจที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการสร้าง smart contract และแอพพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจ (DApps) แม้ว่าการแข่งขันจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็ตาม

นอกจากนี้เรายังคาดว่าจะได้เห็น Ethereum 2.0 ในปีนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งมันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเครือข่ายจากอัลกอริธึม Proof-of-Work (PoW) ในปัจจุบันไปเป็น Proof-of-Stake (PoS) และช่วยเพิ่มความประสิทธิภาพของเครือข่ายให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม

โดยหลังจากที่ Ethereum ได้พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดตลอดกาลที่ประมาณ $ 1,400 ในช่วงปี 2017 ราคาของมันก็ได้ร่วงกลับลงมาสู่ระดับที่ต่ำกว่า $ 300 เล็กน้อยในเดือนธันวาคม 2018 และในช่วงเวลาที่เขียนบทความนี้ ETH มีการซื้อขายกันอยู่ที่ระดับ $ 115 ดังนั้นนี่แสดงให้เห็นแล้วว่า Ethereum ยังมีพื้นที่ว่างอีกมากมายเพื่อให้ราคาสามารถเติบโตเพิ่มขึ้น

ที่มา : cryptopotato

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น