<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

3 สาเหตุที่ราคา Bitcoin จะพุ่งขึ้นแตะ 9,000 ดอลลาร์ในอีกไม่กี่สัปดาห์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลังจากที่ได้เผยให้เห็นถึความอ่อนแอเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าราคาของ Bitcoin นั้นจะเริ่มมีการกลับมาทำให้นักเทรดต้องใจชื้นแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาราคานั้นได้เพิ่มขึ้นกว่า 6% ไปอยู่ที่ระดับเหนือ 7,100 ดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยการเพิ่มขึ้นของราคาดังกล่าวนั้นทำให้ผู้ที่เปิด short บนตลาดฟิวเจอร์นั้นต้องถูกล้างพอร์ทเป็นเงินรวมกันกว่า 10 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

นอกจากนี้ตัวแปรในด้านพื้นฐานและทางเทคนิคนั้นกำลังบ่งชี้ว่าราคาขของ BTC นั้นกำลังเตรียมตัวที่จะพุ่งขึ้นไปอีกในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งในปัจจุบันนักวิเคราะห์นั้นก็ยังไม่ทราบว่าอีก “ขาหนึ่ง” ของการพุ่งขึ้นของกราฟนี้จะไปสุดที่ใด แต่พวกเขาคาดว่าอย่างน้อยราคานั้นน่าจะไปอยู่ที่ระดับ 9,000-10,000 ดอลลาร์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้

ตัวชี้วัดแบบ on-chain ที่เผยราคา Bitcoin มีแนวโน้มเป็นขึ้น

โดยอ้างอิงจากรายงานของบริษัทด้านการวิเคราะห์ คริปโต Glassnode เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมานั้น เผยว่าค่าแรงขุดของ Bitcoin ได้ฟื้นตัวถึง 64% จากจุดต่ำสุดของในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแค่ไม่กี่วันหลังจากที่ราคานั้นได้ร่วงลงไปแตะระดับ 3,700 ดอลลาร์ในช่วงเวลาดังกล่าว

ในตอนนั้นค่าแรงขุดก็อยู่ที่ 82 exahashes ต่อวินาที แต่ในขณะนี้มันได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 130 exahashes ต่อวินาทีแล้ว ซึ่งกำลังเข้าใกล้ระดับ 140 exahashes เข้าไปทุกที ดูเหมือนว่าตัวเลขดังกล่าวนั้นจะได้รับการผลกระทบด้านบวกจากการปรับลดค่าความยากในการขุดลง 17% ซึ่งทำให้นักขุดสามารถที่จะขุด block ใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นค่าแรงขุดจึงได้เพิ่มมากขึ้นตาม

มันถือเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างมีความแข็งแรง ที่เผยให้เห็นว่าการมาของตลาดขาขึ้นนั้นใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งเทรนด์ดังกล่าวนั้นกำลังแสดงความชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่านักขุดนั้นกำลังมองตลาดเป็นบวก และเริ่มหันกลับมาเสียบปลั๊กเครื่องขุดของพวกเขากันมากขึ้น

วุฒิสภาผ่านร่างการอัดฉีดเงินอีกฉบับ และคริปโตอาจได้รับผลประโยชน์

เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐฯได้อนุมัติร่างการอัดฉีดเงินเพิ่มอีก 484 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขึ้นจากตัวเลข 2 ล้านล้านดอลลาร์ที่เคยมีขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาไปแล้ว โดยคาดการณ์ว่าแพคเกจการอัดฉีดดังกล่าวนั้นจะโฟกัสไปที่การช่วยเหลือโรงพยาบาล, การวิจัยโรคระบาด และบริษัทด้านเทคโนโลยีขนาดเล็ก เมื่อเม็ดเงินที่เคยอัดฉีดไปก่อนหน้านี้ได้หมดลงแล้ว

แม้ว่าร่างดังกล่าวนั้นยังไม่ได้ถูกประกาศและมีผลบังคับใช้ แต่มันก็มีการคาดการณ์ว่ามันจะได้รับการสนับสนุนจากทุก ๆ ด้านแน่นอน

ในขณะเดียวกัน Bitcoin นั้นก็กำลังได้รับผลประโยชน์จากตัวแปรเหล่านี้ เนื่องจากว่าความเกี่ยวข้องกับ S&P 500 ซึ่งในขณะนั้นตลาดดังกล่าวร่วงลงไปอยู่ในจุดต่ำสุด แต่เมื่อมีการอัดฉีดเงินเข้ามาถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้น ราคาก็ได้เพิ่มขึ้น 30% ในสัปดาห์ถัดมา

เทรนด์ของตลาดหุ้นนั้นอาจจะเพิ่มขึ้นไปได้อีกในอนาคต เนื่องจากการอัดฉีดเงินแบบไร้ขีดจำกัดของ Fed ในขณะเดียวกัน Bitcoin ที่มีความเกี่ยวข้องกับ S&P 500 นั้น แม้ว่าจะอยู่ในช่วง “stress” แต่มันก็ยังมีแนวโน้มที่จะมีราคาที่ติดตามหุ้นดังกล่าวไปให้สูงกว่านี้ได้

ยิ่งไปกว่านั้น นักวิเคราะห์ราคา Bitcoin เป็นจำนวนมากกล่าวว่าการอัดฉีดเงินดังกล่าวนี้มีประโยชน์ในด้านการเพิ่มมูลค่า และความหายากให้กับเหรียญดังกล่าว เนื่องจากว่าเงินดอลลาร์นั้นสามารถที่จะถูกพิมพ์เพิ่มขึ้นมาเท่าไรก็ได้ ในขณะที่ Bitcoin นั้นมีจำนวนจำกัด

Bitcoin ลงแตะจุดต่ำสุดไปแล้ว

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Nunya Bizniz ยังได้ออกมาแสดงความเห็นว่ากราฟ Bitcoin ของเดือนกุมภาพันธ์นั้นกำลังก่อตัวเป็นรูปแบบที่เรียกว่า “BARR” ที่ตามตำราของเธอนั้นเผยว่ารูปแบบดังกล่าวถือเป็นจุดต่ำสุดของราคา ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปในอนาคต

นาย Charles Bulkowski หรือนักวิเคราะห์ชื่อดังอีกรายหนึ่งเผยว่ากราฟ Bitcoin นั้นได้ติดโผ “56 อันดับกราฟราคาสินทรัพย์ผลตอบแทนดีที่สุด” และยังได้มีการคาดการณ์ว่าราคา Bitcoin นั้นจะพุ่งขึ้นแตะ 10,000 ดอลลาร์ภายในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ก่อนการ halving อีกด้วย

จุดที่น่าสนใจอีกจุดสำหรับแพทเทิร์นดังกล่าวนั้นก็คือ มันเคยมีแพทเทิร์นในลักษณะใกล้เคียงกันที่เคยเกิดขึ้นเมื่อตอนปลายปี 2018 มาแล้ว และคาดว่ามันอาจจะซ้ำรอยดังกล่าวอีกก็เป็นได้

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น