<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin จำนวน 10,000 BTC ที่เคยถูกใช้ซื้อพิซซ่าสองถาดเมื่อ 10 ปีก่อนตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้วบ้าง?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว มีคน ๆ หนึ่งที่จ่ายค่าพิซซ่าไปสองถาดด้วย Bitcoin จำนวน 10,000 BTC แต่เกิดอะไรขึ้นต่อจากเหรียญ BTC ดังกล่าวหลังจากนั้นในช่วงระยะเวลา 1 ทษวรรษที่ผ่านมา? ทางบริษัท Coinfirm มีคำตอบ

เมื่อวานนี้ถือเป็นวันครอบรอบ 10 ปีที่มีการนำเอา Bitcoin นำไปใชซื้อสินค้าอย่างเป็นทางการ โดยเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมปี 2010 ที่ผ่านมา ได้มีการบันทึกไว้ว่านักโปรแกรมเมอร์ Laszlo Hanyecz ได้ทำการซื้อพิซซ่าสองถาดจาก Papa John’s ด้วย Bitcoin จำนวน 10,000 BTC โดยในขณะนั้นมันมีมูลค่าแค่ราว ๆ 41 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,300 บาทเท่านั้น ทว่าหากเทียบกับราคาในปัจจุบันนั้น มันจะมีมูลค่าอยู่ที่ 92.5 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.9 พันล้านบาทเลยทีเดียว

และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ล่วงเลยมาถึง 10 ปีแล้ว ผู้คนอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Bitcoin จำนวน 10,000 BTC ที่เคยถูกใช้ซื้อพิซซ่าไปสองถาดเมื่อตอนนั้น

“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เหรียญดังกล่าวนั้นถูกเคลื่อนย้ายไปมาระหว่าง address หลาย ๆ address” กล่าวโดยนาย Grant Blaisdell หรือผู้ร่วมก่อตั้งและ CMO ของบริษัทด้าน Blockchain นามว่า Coinfirm โดยเขายังเผยต่ออีกว่าเหรียญ BTC บางส่วนนั้นถูกโอนไปยังเว็บเทรดคริปโตที่ปิดตัวลงแล้ว ในขณะที่บางเหรียญนั้นอยู่ในกระเป๋าเก็บเหรียญที่มีมูลค่าสูง

Bitcoin เป็นจำนวนมากถูกโอนไปที่ BTC-e

“เหรียญบางส่วนนั้นดูเหมือนว่าจะถูก liquidate บนเว็บ BTC-e” กล่าวโดยนาย Blaisdell เว็บดังกล่าวถูกเปิดตัวขึ้นเมื่อปี 2011 ก่อนที่จะถูกปิดตัวลงเมื่อปี 2017 เมื่อทางตำรวจสหรัฐฯเข้าบุกทลายเว็บเทรดดังกล่าว และยัดข้อหาฟอกเงินให้พวกเขา

เหรียญบางส่วนยังคงอยู่ในกระเป๋าเก็บเหรียญที่มีมูลค่าสูง

ทาง Coinfirm ได้ทำการสืบไปต่ออีกจนพบว่ามีเหรียญ Bitcoin ประมาณ 5.79% ที่มาจากยอด 10,000 BTC ในตอนแรกนั้นถูกโอนไปยังหนึ่งในกระเป๋าเก็บ Bitcoin ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก โดยคิดเป็นจำนวนอยู่ที่ราว ๆ 5 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 579 BTC

ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นเจ้าของ address ดังกล่าวดูเหมือนว่าเขานั้นจะเก็บสะสม Bitcoin มาจากที่อื่นอีกด้วย โดยในขณะนี้มูลค่าของ Bitcoin ที่อยู่ในกระเป๋าดังกล่าวนั้นใกล้ถึง 500 ล้านดอลลาร์แล้ว โดยนาย Blaisdell อธิบายต่อไปอีกว่า “มันน่าจะเป็นของใครก็ตามที่เคยเข้ามาในตลาดคริปโตตอนยุคบุกเบิก และน่าจะมีชื่อเสียงมากอีกด้วย” พร้อมเสริมว่า

“พวกเราไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ที่ควบคุม address ดังกล่าว เนื่องจากมันดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นของเว็บเทรดใหญ่ ๆ เลย แต่การที่เราไม่สามารถรู้ตัวตนของผู้นั้นได้ถือเป็นเรื่องที่เจ๋งมาก พอ ๆ กับที่มาของซาโตชิเลย”

ที่มา Cointelegraph