<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

หากคุณซื้อเหรียญคริปโต 10 อันดับแรกในปี 2018 ด้วยเงิน 32,000 บาทตอนนี้จะเป็นเท่าไหร่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นักลงทุนไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่งได้ซื้อเหรียญคริปโตจำนวนหนึ่งด้วยเงิน 32,000 บาทเมื่อวันที่ 1 มกราคมปี 2018 และก็ทำการตรวจดู portfolio ของเขามาเรื่อยๆ

ในช่วงนั้นเหรียญคริปโตที่อยู่ในอันดับต้นๆนั้นประกอบไปด้วย BitcoinXRP, Ethereum, Bitcoin Cash, Cardano, Litecoin, IOTA, NEM, Dash, และ Stellar

นักลงทุนคนดังกล่าวได้นำเงินประมาณ 100 ดอลลาร์หรือประมาณ 3,200 บาทไปลงทุนในเหรียญแต่ละเหรียญ และก็ทำการตรวจสอบผลกำไรของมันมาเรื่อยๆหลังจากนั้น

โดยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2020 portfolio ขนาด 32,000 บาทของเขาเหลืออยู่เพียงแค่ 6350 บาทเท่านั้น 

ตัวเลขดังกล่าวเคยให้เห็นถึงอัตราการติดลบของผลกำไรที่ได้จากการลงทุนถึง 79.48 เปอร์เซ็นต์ หลังจาก 2 ปีและอีก 5 เดือนซึ่งเป็นช่วงที่ราคาของ bitcoin ร่วงลงมาจาก 13,170 ถึง 10,112 ดอลลาร์

ภายหลังจากวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมาราคาของ bitcoin นั้นก็ได้ร่วงลงไปที่ 9,400 ดอลลาร์ซึ่งถือเป็นการร่วงลงประมาณ 90% เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ portfolio ดังกล่าวนั้นถูกสร้างขึ้นเมื่อตอนที่ราคาบิทคอยกำลังร่วงลงมาจากจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 20,000 ดอลล่าร์ลงไปแตะ 13,170 ดอลลาร์บนเว็บไซต์ BitMEX ซึ่งคิดเป็นราว ๆ 34 เปอร์เซ็นต์ 

ดังนั้นการลงทุนดังกล่าวถูกลงทุนในช่วงที่นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่คิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่ โดยในช่วงจังหวะนั้นเป็นช่วงที่ผู้คนกำลังอยู่ในช่วง FOMO พอดี

หลักๆนั้นมี 3 ประเทศที่มีความต้องการในตัว bitcoin อย่างมากในขณะนั้นซึ่งก็คือจีน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น

ความต้องการในตัวเหรียญคริปโตดันสูงมากจนกระทั่งส่งผลทำให้ราคาตลาดบนเว็บเทรดในเกาหลีใต้มีราคาที่สูงกว่าตลาดโลกถึง 20 เปอร์เซ็นต์

เมื่อเดือนมกราคมปี 2018 ราคาของตลาดเหรียญคริปโตนั้นได้ร่วงอย่างรุนแรงเนื่องจากกฎหมายด้านคริปโตที่มีความเข้มงวดมากขึ้นจากรัฐบาลทั่วโลก

ดังนั้นนักลงทุนรายย่อยที่ไม่ได้เข้ามาในตลาดก่อนปี 2017 จึงมองว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่น่าดึงดูดเข้าไปลงทุนอย่างมาก

อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงปลายปี 2017 ถึงต้นปี 2018 เป็นช่วงที่นักเทรดส่วนใหญ่ในตลาดเชื่อว่าตลาดคริปโตนั้นมีมูลค่าที่สูงกว่าความเป็นจริงอยากมากแล้ว

นาย Vitalik Buterin ผู้สร้าง  Ethereum ได้ออกมากล่าวในตอนนั้นว่าเขาไม่เชื่อในระบบ ecosystem ของมันและไม่เชื่อว่ามูลค่าตลาดสมควรที่จะไปแตะ  5 แสนล้านดอลลาร์ได้

“เอาล่ะมูลค่าตลาดคริปโตเพิ่งจะแตะ $0.5T ในวันนี้ แต่พวกเราได้มันมาด้วยความภาคภูมิใจจริงหรือ ยังมีผู้คนทั่วโลกพี่ยังไม่มีบัญชีธนาคารที่พวกเราทำให้พวกเขามีบัญชีธนาคารไปแล้วกี่คน มีระบบการป้องกันเซ็นเซอร์ชิปกี่ระบบที่พวกเราทำให้ผู้คนทั่วไปแล้ว คำตอบตอบคำถามเหล่านี้คงไม่ใช่เลข 0  แต่มันก็เป็นจำนวนที่ค่อนข้างสำคัญ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับมูลค่าตลาดระดับ $0.5T อยู่ดี” กล่าวโดยนาย Vitalik เมื่อเดือนธันวาคมปี 2017 

เหรียญคริปโตส่วนใหญ่รวมถึง bitcoin นั้นกำลังถูกมองว่าเป็นตัวเก็บมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่เหรียญคริปโตส่วนใหญ่ตื่นงั้นก็ดูเหมือนว่าจะล้มเหลวไปเช่นกัน

ซึ่งจำนวนเหรียญ 10 อันดับแรกที่เคยกล่าวไปแล้วข้างต้นนั้นปัจจุบันมีเหลือเพียงแค่ 6 เหรียญเท่านั้น

เราได้เห็นจานเริ่มปรับตัวหันมาใช้ bitcoin ในสถาบันใหญ่ๆต่างๆแล้ว, รวมถึงการพัฒนาระบบโครงสร้างของเครือข่ายที่สำคัญ, การเพิ่มขึ้นของจำนวนสภาพคล่อง, และปัจจัยด้านพื้นฐานที่ดีขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

กระนั้นผลกำไรของ portfolio จำนวน 32,000 บาทดังกล่าวก็ยังคงเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเราได้หว่าเวลาคุณจะทำการซื้อเหรียญคริปโตใดๆก็แล้วแต่ควรที่จะทำด้วยความระมัดระวังโดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุนระยะยาว