<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักวิเคราะห์เผย 1 ตัวแปรที่จะทำให้ราคา bitcoin ร่วงลงมาต่ำกว่า 9,000 ดอลลาร์อีก ไม่ใช่พุ่งขึ้น

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่าในตอนนี้ราคา bitcoin นั้นจะยังคง sideway อยู่อย่างหนัก และนักวิเคราะห์ชื่อดังอย่างนาย Josh Rager ก็ได้ออกมาเผยว่าราคาของ bitcoin นั้นมีแนวโน้มที่จะร่วงลงไปต่ำกว่าราคาในปัจจุบัน

“ระยะการวิ่งขึ้นลงของราคา bitcoin นั้นยังคงชัดเจน ตอนนี้แนวรับของมันยังคงยืนหยัดอยู่ได้ราคานั้นมีโอกาสที่จะ sideway ลงไปที่ 8,900 ดอลลาร์  และก็ต่อด้วย 8,500 ดอลลาร์”

แต่กระนั้นเขาก็มองว่ายิ่งมัน sideway ไปได้นานเท่าไหร่ ตลาดก็ยิ่งมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นมากเท่านั้นในอนาคต

อย่างไรก็ตามนักเทรดรายหนึ่งได้ออกมาอธิบายถึงตัวแปรที่ไม่มีใครคาดคิดพี่อาจทำให้ราคาของ bitcoin นั้นร่วงลงอย่างหนัก

มีโอกาสที่ราคา bitcoin จะร่วงลงจากจุดนี้สูง

แม้ว่าในปัจจุบันจะมีนักลงทุนที่มองว่าระดับราคาดังกล่าวนั้นมีโอกาสที่จะทำให้ราคาพุ่งทะยานขึ้นในอนาคต แต่ก็ยังมีนักวิเคราะห์บางคนที่คาดการณ์ว่าราคาของมันจะร่วงลงมา

โดยนักเทรดรายหนึ่งผู้ใช้นามแฝงบนทวิตเตอร์ว่า CanteringClark ได้ออกมาอธิบายว่า

“มันเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก ด้วยการที่โครงสร้างของตลาด Bitcoin นั้นส่วนใหญ่มักจะเป็นแบบ spot ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่ก็มักจะคิดถูกเกี่ยวกับราคาของมันแล้ว ซึ่งลักษณะของตลาดนั้นมีลักษณะใกล้เคียงกับของเว็บเทรด Robinhood ที่แต่ละคนก็มักจะออกมาเทรดกันด้วยความเสี่ยง”

โดยหลักๆนั้นเขาต้องการที่จะอธิบายว่านักลงทุนรายย่อยที่ไร้ประสบการณ์และเข้าไปแห่ซื้อหุ้น S&P 500 จนทำให้ราคาของมันพุ่งสูงขึ้น โดยนักเตะเหล่านี้ไม่ได้สนใจในเรื่องของตัวแปรเศรษฐกิจขนาดใหญ่และรวมถึงตัวแปรของตลาดที่กำลังบ่งบอกว่ามันเป็นเทรนด์ขาลงอยู่

เมื่อพวกเขาหมดเงินที่จะใช้ลงทุน หรือเริ่มที่จะรับรู้ถึงความเสี่ยง เมื่อนั้นตลาดก็เริ่มที่จะพังทลายลงมา

นอกจากนี้นักเทรดรายหนึ่งก็ยังได้แสดงความเห็นดีด้วยว่าราคาของ bitcoin ก็มีโอกาสที่จะเคลื่อนตัวเป็นขาลง

โดยนักเทรดผู้นี้ใช้นามแฝงบน Twitter ว่า ColdBloodShill และได้กล่าวว่าผู้ที่เทขายในตลาดนั้นยังคงควบคุมตลาด bitcoin อยู่และอาจทำให้ราคาของเหรียญมันร่วงลงไปต่ำกว่า 7,000 ดอลลาร์ได้

“มีหลักฐานประมาณ 2 อย่างที่ทำให้ตลาดมีลักษณะเหมือนกับเป็นการ HTF distribution ก็คือ 1. ความต้องการของเหรียญที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางราคาที่ร่วงลง 2. แรงเทขายและจำนวนของวอลลุ่ม”