<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เศรษฐีรายหนึ่งต้องการแจกเงินให้กับคุณแบบฟรี ๆ และต้องนำไปซื้อ Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นาย Bill Pulte ผู้ใจบุญเศรษฐีได้แจกเงินจำนวนเกือบ 150,000 เหรียญสหรัฐในปีนี้เพื่อส่งเสริมการใช้ คริปโตเคอเรนซี่ อย่างไรก็ตามนักวิจารณ์บางคนกังวลว่า สิ่งที่เขาทำอาจช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการหลอกหลวงเงินคริปโตให้กับนักต้มตุ๋นโดยไม่ได้ตั้งใจ 

หลายคนเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นการ ‘เอาดีเข้าตัว’ ที่นาย Pulte กำลังพยายามสร้างโปรไฟล์ที่ดีต่อผู้ติดตามบน Twitter เกือบ 3,000,000 คนของเขา

ในโพสต์วันที่ 9 กรกฎาคม บัญชี Twitter ของนาย Pulte เขากล่าวว่า เขาจะบริจาคเงินผ่านทาง CashApp ให้กับผู้ใช้ที่รีทวีตหรือแสดงความคิดเห็นในโพสต์ของเขา และในวันต่อมาเขาก็ได้มอบเงินจำนวนกว่า $ 625 ให้แก่ผู้ติดตามของเขา 6 คนเพื่อซื้อ Bitcoin (BTC) อ้างอิงจากข้อมูลการบริจาคเงินของ Pulte พวกเขาจะต้องใช้เงินไปกับการซื้อคริปโตเคอเรนซี่ เพราะว่าเขาเชื่อว่ามันจะมี  “มูลค่าที่สูงขึ้นในอนาคต”

สรุปรวมแล้วนาย Pulte ได้แจกเงินไปแล้วเกือบ $ 5,625 ในเดือนนี้และมากกว่า $ 18,000 เมื่อเดือนที่แล้ว รวมถึงของขวัญอื่น ๆ เป็นจำนวนมากที่เขาแจก ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทั้งเป็นเงินสดและรถยนต์บางคันฟรี แต่ส่วนใหญ่แล้วเศรษฐีจะบริจาคเงินด้วยคริปโตเคอเรนซี่ เพื่อผลักดันการยอมรับ

“หากชุมชนคริปโตต้องการการยอมรับที่เพิ่มมากขึ้น พวกเขาจะต้องแจกมันบน Twitter และสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ คริปโตเคอเรนซี่สามารถช่วยโลกที่ยากจนที่สุดได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่มี “บัญชีธนาคาร” ดังนั้นในฐานะผู้ใจบุญ ผมจึงต้องการส่งเสริมการนำไปใช้ให้เพิ่มมากขึ้น”

นาย Pulte ได้ทำการลิสต์รายชื่อผู้ที่ได้รับเงินบริจาคทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน โดยมีเงินรางวัลตั้งแต่ $ 10 ไปจนถึง $ 15,000 ที่เขาแจกในปีนี้ ในฐานะที่เป็นหลานชายของเศรษฐีนาย William John Pulte เขาได้รับมรดกอย่างน้อยส่วนหนึ่งในทรัพย์สมบัติที่ปู่ของเขาทิ้งไว้ให้ ในเดือนธันวาคม 2019 นาย Pulte อ้างว่าเป็นเจ้าของ Bitcoin ทั้ง 11 BTC และตอนนี้มีมูลค่ามากกว่า $ 100,000

สำหรับทุกข้อเสนอที่ชอบด้วยกฎหมาย …

การแจกเงินของนาย Pulte ดูเหมือนว่าจะเป็นของจริง เนื่องจากเขามีบัญชีที่ยืนยันตัวตนแล้วและเขาไม่อายที่จะให้การสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้  อีกทั้งยังมีการรับรองจากประธานาธิบดี Donald Trump และ YouTubers ชื่อดัง

อย่างไรก็ตามเกือบทุกคนที่มีส่วนร่วมในคริปโตเคอเรนซี่ เคยเห็นการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับแจกคริปโตเคอเรนซี่เป็นรางวัลมาแล้วนักต่อนัก และสื่อโซเชียลมีเดียอย่าง Twitter มักจะเครื่องมือหากินของเหล่านักต้มตุ๋น โดยปกติแล้วแคมเปญ ‘การแจกเงิน’ ของนักต้มตุ๋นจะล่อลวงให้เหยื่อส่งคริปโตเคอเรนซี่จำนวนเล็กน้อยของพวกเขาเพื่อ ‘ยืนยันที่อยู่’ และอ้างว่าพวกเขาจะให้รับจำนวนเงินคืนในจำนวนที่เยอะกว่าเดิม

ตามคำพูดของนาย Ilia Rozhnov หัวหน้าทีมคุ้มครองแบรนด์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ Group-IB ซึ่งเป็นบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่กล่าวว่า การแจกเงินคริปโตปลอม ๆ นั่นเป็น “เครื่องมือสุดโปรดของนักต้นตุ๋ม” ซึ่งบริษัท Group-IB ได้พยายามชี้ให้ทุกคนเห็นถึงอันตรายของการแจกเงินรางวัลที่มักถูกใช้โดยเหล่าอาชกรทางไซเบอร์

“การแจกเงินรางวัลแบบปลอม ๆ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อชื่อเสียงของแบรนด์และคนดังที่แอบอ้างโดยนักต้มตุ๋น” เขากล่าวว่า “ มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของแบรนด์ในการหมั่นตรวจสอบและรายงานเพจต่าง ๆ ที่แอบอ้างใช้ชื่อพวกเขาอยู่เสมอ”

ทีมงานของ Rozhnov ได้พบ หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดในปี 2018 เมื่อบัญชี Twitter ปลอมที่แอบอ้างว่าเป็นผู้ก่อตั้ง Telegram นาย Pavel Durov และประกาศแจกเงินคริปโตในการตอบกลับทวีตเกี่ยวข้องกับไฟฟ้าดับที่ Telegram รายงานของ Group-IB ระบุว่านักต้มตุ๋นสามารถหลอกลวงผู้ใช้งานได้เงินไปกว่า $ 59,500 ภายในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง

นาย Pulte ได้แจกเงินสดให้ผู้ติดตามของเขาเพื่อไปซื้อ BTC ซึ่งนั่นหมายความว่า ใครก็ตามที่ไม่หวังดีอาจนำชื่อของเขาไปใช้แอบอ้างเพื่อหลอกลวงเงินคริปโตของคนอื่น ๆ 

ก่อนหน้าที่ทางสยามบล็อกได้รายงานแล้วว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2020 นักลงทุนได้สูญเสียเงินไปกว่า $ 25 ล้านดอลลาร์ให้กับนักต้มตุ๋น ในการหลอกลวง Bitcoin และคาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้

ช่วยคนจนหรือช่วยให้พวกเขาจนมากขึ้นกว่าเดิม ?

อย่างไรก็ตามนาย Cameron LeBlanc จาก Fatherly กล่าวว่าการกระทำของ Pulte ดูเหมือนจะทำให้ภาพลักษณ์ “การทำบุญใน Twitter” ดูแย่ลงไปอีก :

“คนอื่นอาจมองเห็นเขาเป็นคนดี คนที่ใจบุญสุนทาน คนที่แจกเงินให้กับคนจน  แต่เมื่อคุณคิดถึงสิ่งเหล่านี้และมองให้ลึกลงไปคุณจะเข้าใจว่านาย Pulte เป็นคนยังไง องค์กรของเขากำลังตกต่ำ แล้วจู่ ๆ มันก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับชายผู้หนึ่งโดยบังเอิญ เงินจำนวนมากถูกห้อยต่องแต่งต่อหน้าคนที่ไม่ได้รับเงิน ความพยายามเหล่านั้นเป็นแค่การสร้างโปรไฟล์ที่ดีต่อตัวเขาเอง แทนที่มันจะส่งผลกระทบที่แท้จริงให้กับคริปโต”

ที่มา : cointelegraph