<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

การไม่ถือ Bitcoin นั้นถือเป็นเรื่องที่แย่ยิ่งกว่าการตกรถหุ้น Amazon ในปี 2000

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นาย Cameron Winklevoss หนึ่งในสองพี่น้องฝาแฝดผู้เคยฟ้องร้อง facebook ข้อหาขโมยไอเดียของพวกเขาจนสำเร็จและก็เป็นผู้ก่อตั้งเว็บกระดานเทรด bitcoin ชื่อดังระดับโลกอย่าง Gemini ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าการที่ไม่ถือ bitcoin ตอนนี้ถือเป็น “การตัดสินใจที่แย่กว่า” การไม่ได้ลงทุนในหุ้น Amazon คือตอนนี้ราคาเพิ่มขึ้นมาจาก 250 ดอลลาร์ไปเป็น 3,160 ดอลลาร์

โดยเขากล่าวว่า 

“การไม่ถือ bitcoin ในวันนี้ถือเป็นการตัดสินใจด้านการลงทุนที่แย่มากกว่าการที่คุณไม่ได้ลงทุนในหุ้น $AAPL, $GOOG, $AMZN และ $MSFT ในช่วงต้นปี 2000”

นาย Winklevoss ไม่ได้เป็นหนึ่งในนักลงทุนในตำนานคนเดียวที่นำเอา bitcoin มาเปรียบเทียบกับหุ้น Amazon

กราฟราคาหุ้น Amazon แบบ 1M

เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2018 เมื่อราคาของ bitcoin นั้นได้ร่วงลงไปแตะระดับ 4,000 ดอลลาร์ นักลงทุนในตำนานอีก 1 รายอย่างนาย Fred Wilson ได้ออกมากล่าวเปรียบเทียบ bitcoin กับหุ้นอเมซอนโดยเขากล่าวว่า

“ในขณะที่ราคาของสินทรัพย์นั้นร่วง 80-90 5% หากเทียบกับเงินดอลลาร์ในช่วงปีที่ผ่านมา พวกมันอาจจะร่วงต่ำลงไปได้มากกว่านี้อีก ราคาหุ้นของ amazon นั้นได้ร่วงลง 80% ภายใน 1 ปีในช่วงฟองสบู่ตลาดหมีและมันก็ได้ถูกขันลงครึ่งหนึ่งก่อนที่จะร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดประมาณ 2 ปีหลังจากที่มันกุ้งไปทำจุดสูงสุดมาแล้ว” 

อย่างไรก็ตามมันไม่มีสิ่งที่สามารถยืนยันได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างราคาของ bitcoin และราคาของตลาดหุ้น โดยเฉพาะ bitcoin ที่ถูกมองว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ดังนั้นมันจึงต้องพิสูจน์ตัวเองไปอีกนาน บางคนมองว่ามันเป็นตัวเก็บมูลค่าในขณะที่บางคนมองว่ามันเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง

แต่สิ่งที่ 2 อย่างนี้มีความใกล้เคียงกันก็คือมุมมองที่ผู้คนมองมันในด้านลบในช่วงตอนที่มันมาใหม่ๆ

หากย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2000 ตอนที่เกิดฟองสบู่ดอทคอม นักลงทุนและผู้คนทั่วโลกต่างก็แสดงความกังขาในหุ้นสายเทคโนโลยีทั้งนั้น

โดยหลังจากที่ราคาหุ้นของ amazon ได้พุ่งไปแตะจุดสูงสุดที่ราคา 90 ดอลลาร์ในขณะนั้นมันก็ได้ร่วงลงมาเหลืออยู่แค่ 6 ดอลลาร์ก่อนที่จะค่อยๆฟื้นตัวไปเรื่อยๆ ซึ่งหากเรามาดูที่ราคาของ bitcoin เราก็น่าจะได้มองเห็นความคล้ายคลึงของมันทั้งสอง

นาย Wilson ได้ออกมากล่าวเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาว่า

“ราคาหุ้นของ amazon ได้ทำจุดสูงสุดในช่วงฟองสบู่อินเทอร์เน็ตในปลายปี 1999 โดยอยู่ที่ประมาณ 90 ดอลลาร์ต่อหุ้น หลังจากนั้นเกือบ 2 ปีให้หลังคุณสามารถที่จะซื้อหุ้นของ amazon ได้ที่ราคา 6 ดอลลาร์ต่อหุ้น และหลังจากนั้นก็ตอนช่วงปลายปี 2007 สำหรับหุ้น amazon ที่ถูกซื้อขายกันเกิดจุดสูงสุดของปี 1999 แต่สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างเก่าแก่ของคุณอเมซอนอย่างมากหากคุณลองมองดูกราฟในวันนี้สิ่งเหล่านั้นก็คงทำให้คุณนึกภาพมันไม่ออกแล้ว”

ตั้งแต่ตอนวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมาภายในระยะเวลา 4 วันราคาของ bitcoin ได้เพิ่มขึ้นจาก 8,000 ดอลลาร์ไปสู่ 11,900 ดอลลาร์โดยคิดเป็นประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์

ความต้องการในตัวของตลาดที่ชื่อว่า decentralised finance ( DeFi) ที่ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มของ Ethereum ดูเหมือนว่าจะมีส่วนช่วยทำให้ราคาของตลาดเหรียญอย่าง Ethereum และ Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

แต่อย่างไรก็ตามนาย Winklevoss ได้ออกมากล่าวว่านักลงทุนที่กำลังต้องการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อด้วยการใช้ bitcoin ก็มีส่วนช่วยทำให้ราคาของ BTC พุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงด้วยเช่นกันโดยเขากล่าวว่า

“ไม่เหมือนกับของปี 2017 เพราะว่าการขึ้นของราคาครั้งนี้ถูกผลักดันโดยตัวของ bitcoin ในแง่ที่ถูกนำมาใช้เป็นสินทรัพย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรวมถึงการ FOMO ของตลาด DeFi อีกด้วย”

นักลงทุนระดับพันล้านในตำนานอย่างนาย Paul Tudor Jones ได้ออกมากล่าวในเดือนพฤษภาคมว่าเขาพิจารณา bitcoin ว่าเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยสามารถป้องกันความเสี่ยงต่อนโยบายการเงินที่จะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อได้โดยเขากล่าวในตอนนั้นว่า

“เมื่อผมคิดถึง bitcoin ผมมองมันเป็นส่วนเล็กๆในพอร์ตการลงทุน แต่มันอาจจะกลายมาเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สร้างผลกำไรได้ดีที่สุดในนั้น ผมคิดว่ามันจะต้องเป็นเช่นนั้นแต่ผมก็ยังคงเป็นพวกอนุรักษ์นิยม”

แม้ว่า bitcoin จะมีอายุเพียงแค่ประมาณ 11 ปีเท่านั้นแต่หากลองดูการเติบโตของมันถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างรวดเร็วทีเดียวและก็เป็นที่เชื่อว่านี่อยากเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของมันเท่านั้น