<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

“ราคา Bitcoin มีโอกาสพุ่งแตะ 15.5 ล้านบาท” กล่าวโดยสองพี่น้องผู้เคยฟ้องร้อง Facebook

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ผู้ก่อตั้งบริษัทเว็บเทรดคริปโตชื่อดังก้องโลก Gemini อีกทั้งยังเป็นผู้ที่เคยฟ้องร้อง facebook ข้อหาขโมยไอเดียอย่าง Winklevos เชื่อว่าปัจจุบัน Bitcoin นั้นมีมูลค่าต่ำกว่าที่มันควรจะเป็น ตราบใดที่มันยังคงมีการซื้อขายต่ำกว่าระดับ 500,000 ดอลลาร์

อ้างอิงจากบล็อกโพสต์ของคู่แฝด Winklevoss พวกเขาได้ไว้อธิบายอย่างละเอียดว่านโยบายการเงินของรัฐบาลสหรัฐและธนาคารกลางสหรัฐนั้นมีแนวโน้มทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นมากเพียงใด ผู้ให้การสนับสนุน Bitcoin กล่าวว่าหนี้ของสหรัฐอาจเพิ่มขึ้นไปเป็น 29 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2021 จาก 22 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปีนี้ คู่แฝดยังชี้ให้เห็นด้วยว่าในความพยายามที่จะสร้างรายได้จากหนี้ Fed ได้เพิ่มงบดุลอย่างมีนัยสำคัญจากประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2010 เป็นมากกว่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้

ด้วยการมาของเชื้อไวรัส Covid-19 คู่แฝด Winklevoss กล่าวว่าขณะนี้โลกกำลังเผชิญกับภาระหนี้ที่หนักอึ้ง

“นับตั้งแต่ปี 2009 ถึง 2019 อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นจาก 83% ไปเป็น 106% หลัง COVID ซึ่งจะแตะ 135% ภายในเดือนกันยายนของปีนี้ สรุปได้ว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นในปีนี้มากกว่าที่เคยทำในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของจีนอยู่ที่ 300% ก่อน COVID จะมาและเติบโตเพิ่มขึ้นไปเป็น 318% ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2020 ส่วนที่อื่น ๆ ในโลกก็จะไม่ได้ดีไปกว่านี้แล้ว”

แม้ว่าจะมีหลายทางเลือกในการจัดการกับหนี้ก้อนโต แต่คู่แฝด Winklevoss สังเกตเห็นว่ารัฐบาลมีแนวโน้มที่จะดำเนินกลยุทธ์ในการปรับลดมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐผ่านอัตราเงินเฟ้อต่อไป

“เมื่อธนาคารกลางเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ soft default ในการกำหนดเป้าหมายไปที่อัตราเงินเฟ้อและดำเนินการพิมพ์เงินขึ้นมาให้เพียงพอที่จะครอบคลุมมัน เมื่อถึงแล้วอัตราเงินเฟ้อของเป้าหมายนี้ก็จะช่วยลดภาระหนี้ของรัฐบาลลงในอัตราเดียวกัน”

ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าเกลียด คู่แฝด Winklevoss คาดการณ์ว่านักลงทุนจะแสวงหาสินทรัพย์ที่จะสามารถเก็บรักษามูลค่าเอาไว้ได้ (SOV)

แม้ว่าทองคำจะเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ผ่านการทดลองและทดสอบแล้ว แต่นักลงทุน BTC ในยุคแรก ๆ ก็ชี้ให้เห็นว่าโลหะมีค่านั้นมีคุณสมบัติบางอย่างที่ด้อยกว่าเมื่อเทียบกับ Bitcoin รวมถึงอุปทานและความสามารถในการพกพา ซึ่งบางคนเชื่อว่าอุปทานของทองคำอาจจะหายากบนโลก แต่ในอวกาศนั้นมีอยู่มากมาย (Elonmusk อาจจะขับจรวดขึ้นไปขนพวกมันลงมาขายบนโลก) นอกจากนี้แล้วทองคำยังขนย้ายได้ค่อนข้างลำบากในช่วงวิกฤต

ในขณะเดียวกันอุปทานของ BTC จะคงที่ตลอดไปที่ 21 ล้านเหรียญ และเหรียญคริปโตเบอร์หนึ่งของโลกยังสามารถถ่ายโอนได้อย่างง่ายดายทั่วทุกที่บนโลกตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน

ด้วยข้อได้เปรียบนี้ คู่แฝดจึงเชื่อว่าเหรียญคริปโตอันดับต้น ๆ ของโลกจะสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดของทองคำที่ระดับ 9 ล้านล้านดอลลาร์ได้ในที่สุด

“หากเราคำนวณถูกต้องเกี่ยวกับการใช้กรอบของทองคำเพื่อสร้างมูลค่าให้กับ Bitcoin และ Bitcoin ยังคงดำเนินต่อไปในเส้นทางนี้ สถานการณ์กรณีช่วงขาขึ้นสำหรับ Bitcoin ในปัจจุบันจะมีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 45 เท่าหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือราคาของ Bitcoin อาจเพิ่มขึ้นอีก 45 เท่าจากวันนี้ ซึ่งหมายความว่าเราอาจจะได้เห็น Bitcoin ที่ราคา 500,000 ดอลลาร์”