ดูเหมือนว่าโรงพยาบาลในไทยนั้นจะตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์ด้วยไวรัสเรียกค่าไถ่ในขณะนี้ และที่น่าสนใจก็คือจำนวนที่นักแฮ็คเกอร์เรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลอย่างมาก อ้างอิงจากนักวิเคราะห์ชื่อดังในไทย
โดยอ้างอิงจากโพสต์ของเพจลงทุนแมนตามด้านล่างนั้น ได้มีการเผยว่าโรงพยาบาลสระบุรีนั้นได้มีการออกมาประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่าทางโรงพยาบาลนั้นได้ถูกไวรัส ransomware หรือไวรัสเรียกค่าไถ่ โดยไวรัสดังกล่าวนั้นได้ทำการเข้ารหัสไฟล์คนไข้ที่สำคัญและอื่น ๆ ทั้งหมดในคอมพิวเตอร์หลักของโรงพยาบาล นอกจากนี้จะทำการล็อกเครื่องคอมพิวเตอร์ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อีกด้วย และจะเรียกร้องให้เหยื่อทำการจ่าย Bitcoin เป็นจำนวนตามที่ทางนักแฮ็คเกอร์เรียกร้อง ซึ่งในกรณีนี้ก็คือ 200,000 BTC หรือประมาณ 63,000 ล้านบาท หากอ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันที่ 1 BTC ต่อ 319,577.01 บาท บนตลาด Bitkub
แม้ว่ารายงานจะเผยว่าทางโรงพาบาลสระบุรีจะมีข้อมูลที่ถูกแบคอัพไว้ แต่ข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลที่ไม่ได้รับการอัพเดตมาแล้วตั้งแต่ปี 2558 ดังนั้นข้อมูลที่อยู่หลังจากนี้จึงไม่สามารถถูกดึงมาได้เลย
“โรงพยาบาลส่วนใหญ่ในตอนนี้จะเก็บข้อมูลคนไข้ไว้ในระบบทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า ถ้าเข้าถึงไม่ได้ หมอก็จะไม่รู้ประวัติคนไข้ และทำการรักษาต่อได้ลำบาก” กล่าวโดยลงทุนแมน
อย่างไรก็ตาม รายงานนั้นไม่ได้เผยว่าไวรัสเรียกค่าไถ่ดังกล่าวนั้นมีชื่อว่าอะไร ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไป
เรียกค่าไถ่ไม่ Makesense
ภายหลังจากที่ข่าวแพร่สะพัดออกไปนั้น ก็ได้มีกูรูด้านคริปโตคนหนึ่งไม่ประสงค์ออกนามได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า
“Ransomware ที่เรียก 200000 btc มันไม่ make sense เอาเสียเลย คิดสิ”
พร้อมเสริมอีกด้วยว่า
“ไม่รู้จะคิดไงต่อครับ แค่คิดว่าไม่น่าจะมีใครเขียน ransomware แบบนั้น เพราะไม่ได้เงินแน่ๆ ความเป็นไปได้ที่พอจะคิดออกคือ
- Ransomware เก่ามาก สิบปีได้ ตอน btc ละไม่กี่ $ ระบบห่วยมากเลยโดน
- เป็นไปได้ว่าโดนมานานมากแล้วแต่เพิ่งรู้ เพราะหลายตัวจะเพิ่มค่าไถ่ไปเรื่อยๆเมื่อไม่จ่าย แต่ต้องเพิ่มมาหลายเดือนเลยล่ะถึงจะมี 200,000 btc ได้ เรียกว่าระบบไม่เคยใช้งานมานานมากๆ
- อาจมีใครสักคนโกหก”
ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่ามิจฉาชีพด้านไซเบอร์นั้นกำลังหยุดโจมตีโรงพยาบาลด้วยไวรัสเรียกค่าไถ่ทั่วโลก เนื่องจากว่าการระบาดของไวรัส COVID-19