ดูเหมือนว่าเจ้ามือคริปโตรายใหญ่เป็นจำนวนมากกำลังเก็บสะสม bitcoin ของพวกเขาอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อมูลค่าของ Bitcoin อ้างอิงจากนักวิเคราะห์ชื่อดังนาย Willy Woo
โดยอ้างอิงจากทวิตเตอร์ล่าสุดของเขานั้น นาย Woo ได้ออกมากล่าวว่าการเข้าซื้อ Bitcoin มูลค่า 4,709 BTC ของบริษัท Square และ 38,250 BTC ของบริษัท MicroStrategy นั้นถือเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยของตลาดเท่านั้น เนื่องจากว่าในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามีนักลงทุนยักษ์ใหญ่เป็นจำนวนมากที่แห่เก็บ Bitcoin บนเว็บเทรดเป็นจำนวนที่สูงถึง 250,000 BTC แล้ว โดยมีมูลค่ารวมถึง 2.762 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
ดูเหมือนว่าเหรียญ BTC ที่ถูกซื้อไปเหล่านี้จะไปอยู่ในมือของนักลงทุนกระเป๋าหนารายบุคคล ไม่ใช่สถาบันลงทุน กล่าวโดยนาย Woo
นอกจากนี้เขายังอธิบายเพิ่มเติมอีกด้วยว่า
“นี่ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผมได้เห็นตลอดในการทำอาชีพเกี่ยวกับ bitcoin ของผม เมื่อข้อมูลพื้นฐานจาก on-chain กำลังเผยให้เห็นว่าเรากำลังอยู่ในโหมดขาขึ้นอย่างรุนแรง แต่ตอนนี้ตลาดมันยังหลับไหลอยู่และกำลังรอคอยการตื่นขึ้นมา มันจะเกิดขึ้นในปี 2021 นี่ถือเป็นโอกาสที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนตั้งแต่ตอนช่วงกลางเดือน 2016 แล้ว
ตลาดนั้นยังไม่ตื่นขึ้นมาเพราะว่า price action นั้นถือเป็น indicator ที่ค่อนข้างช้าในการแสดงให้เห็นถึง demand และ supply โดยกระแสขาขึ้นที่บ้าคลั่งนั้นก็คือเมื่อทุก ๆ คนนั้นตื่นตัว และสถานการณ์นั้นมันก็สายเกินไปแล้ว ตอนนี้ supply นั้นกำลังถูกซื้อเก็บสะสมอยู่เรื่อย ๆ”
นาย Woo นั้นมีแนวคิดที่ค่อนข้างแตกต่างจากของนักวิเคราะห์รายอื่น ๆ โดยเขาคิดว่าการที่ BitMEX ถูกตั้งข้อหาเมื่อไม่นานมานี้ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อ Bitcoin อย่างมาก โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงาน Commodity Futures Trading Commission (CFTC) ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาได้ตั้งข้อหาต่อบริษัท BitMEX และตัวผู้ก่อตั้งอย่างนาย Arthur Hayes, Benjamin Delo, และ Samuel Reed ในข้อหาละเมิดกฎของ CFTC
โดยนาย Woo กล่าวว่าการที่ BitMEx ถูกตั้งข้อหาดังกล่าวนั้นถือเป็นเรื่องดีสำหรับวงการคริปโตในระยะยาวดังนี้
“โดยพื้นฐานแล้วตลาดนั้นมักจะมีความกลัวขึ้นหากมีเหตุการณ์ที่ผิด ๆ เกิดขึ้น แต่ MEX นั้นไม่ได้ถูกแฮ็ค ไม่มีนักเทรดคนใดที่เสียเหรียญของพวกเขาไป ตลาดฟิวเจอร์จะถูกล้างให้สะอาดไปเอง พวกเราจะได้เห็นความผันผวนที่น้อยลง, การฉ้อโกงที่น้อยลง, มีโวลุมบนตลาด spot ที่เยอะขึ้น, มีกิจกรรมที่แท้จริงเกิดขึ้น, มีเม็ดเงินของนักลงทุนสถาบันที่เข้ามามากขึ้น”